นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าการที่สหภาพยุโรป (EU) ประกาศให้ใบเหลืองกับอุตสาหกรรมประมงไทยต่อไปอีก 6 เดือน จะไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนเดิมที่ถือหุ้นของบริษัทและนักลงทุนรายใหม่ที่มีความสนใจที่จะลงทุนทั้งนักลงทุนในและต่างประเทศ เนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีความเข้มแข็งด้านฐานะการเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่นักลงทุนต่างให้ความเชื่อมั่นในตัวของบริษัท ซึ่งกรณีการให้ใบเหลืองกับอุตสาหกรรมไทยและการแก้ไขไอยูยูนั้นไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่สะท้อนให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในตัวของบริษัท
ในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติมีการเข้ามาถือหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ในสัดส่วน 40% ในปัจจุบัน ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 2 ปีที่ผ่านมาที่มีนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 30% โดยระดับการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในปัจจุบันที่ 40% ถือว่าเป็นระดับที่ใกล้เต็มตามข้อกำหนดให้นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 45%
"การที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาถือหุ้นเรามากขึ้นจนเกือบใกล้เต็มเพดาน น่าจะเป็นเพราะผลการดำเนินงานของเรายังเห็นเติบโตต่อเนื่อง รวมไปถึงฐานะการเงินแข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นในแผนการดำเนินงานของบริษัทเรา ซึ่งเรื่องอียูให้ใบเหลืองต่ออีกและการแก้ไขไอยูยูน่าจะไม่เกี่ยวข้องที่ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นตัวบริษัทเราลดลง ตอนนี้แผนการโรดโชว์แก่นักลงทุนต่างชาติของบริษัทก็ยังมีการไปโรดโชว์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทราบถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทและอัพเดทสถานการณ์ต่างๆให้นักลงทุนต่างชาติทราบ"นายธีรพงศ์ กล่าว
บริษัทมองว่าถือเป็นเรื่องที่ดีที่ประเทศไทยยังได้ใบเหลือง เพราะจะทำให้รัฐบาลมีเวลาเดินหน้าแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย, ไร้การรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) ได้อย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้องตามเงื่อนไขที่ EU กำหนด โดยทาง EU จะเข้ามาตรวจความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมายในเดือน ก.ค.นี้ โดยรัฐบาลและเอกชนต่างรับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่จะต้องรอผลการตรวจสอบของ EU ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร