นายอาณัติ ปิ่นรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานบัญชีและการเงิน บมจ.อารียา พรอพเพอร์ตี้ (A) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท จากแผนเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่าราว 20,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเปิดไปแล้ว 6 โครงการ มูลค่าราว 10,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์ และบ้านแฝด ที่บริษัทมีความเชียวชาญ ขณะที่ตลาดยังเติบโต และมีกำลังซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ส่วนกลุ่มคอนโดมิเนียมจะเติบโตได้เล็กน้อย และกลุ่มบ้านเดี่ยวมองว่าไม่เติบโต
อนึ่ง เป้าหมายยอดขายดังกล่าว นับว่าเพิ่มขึ้นจากเมื่อเดือน มี.ค.ที่บริษัทคาดว่ายอดขายในปีนี้จะทำได้ระดับ 7,000 ล้านบาท
ล่าสุด บริษัทเปิดตัวโครงการ "เดอะ เพลส ไทรน้อย" มูลค่าโครงการ 481 ล้านบาท ทั้งหมด 323 ยูนิต เป็นโครงการทาวโฮม 2 ชั้น ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท/ยูนิต เปิดขายในช่วงเดือน ส.ค.และคาดว่าเริ่มโอนได้ในช่วงไตรมาส 4/59
ส่วนเป้าหมายรายได้ในปีนี้ยังคงอยู่ที่ระดับ 7,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 5,453.70 ล้านบาทในปีที่แล้ว โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) ราว 2,300 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ราว 1,500 ล้านบาท และบริษัทยังมีสต็อกเหลือขายอีกราว 3,500 ล้านบาทด้วย ขณะเดียวกันยังได้ตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินในปีนี้ 600 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นการหาที่ดินในพื้นที่ที่บริษัทมีความชำนาญ คือ ลำลูกกา ไทรน้อย และรังสิต เพื่อรองรับการขยายโครงการอย่างต่อเนื่อง
ด้านอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยทั้งปีนี้คาดว่าจะคงอยู่ใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 1/59 ที่ทำได้ 5.46% เพิ่มขึ้นจากอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยในปีก่อนที่อยู่ระดับ 3.97% เป็นผลจากการบริหารจัดการต้นทุน และปรับเพิ่มขึ้นราคาขายที่อยู่อาศัยของแต่ละโครงการให้มีความเหมาะสมมากขึ้น โดยเฉลี่ยแล้วปรับขึ้นมาราว 3%
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/59 คาดว่ารายได้จะเติบโตได้มากกว่าระดับ 1,147.17 ล้านบาทในไตรมาส 1/59 จากยอดโอนที่เพิ่มขึ้น แต่ในส่วนของกำไรยังต้องรอลุ้น เนื่องจากอาจจะต้องตั้งสำรองค่าใช้จ่ายบางรายการเพื่อที่จะให้กำไรไตรมาสที่เหลือมีศักยภาพที่ดี
"ปีนี้บริษัทยังค่อนข้างมั่นใจว่าจะเติบโตได้ค่อนข้างดี เพราะเรามีความเชี่ยวชาญในกลุ่มทาวน์เฮ้าส์และบ้านแฝดที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่คงจะเติบโตไม่มากนัก เพราะปัจจุบันสถาบันทางการเงินค่อนข้างเข้มงวดในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อสูงขึ้นมาอยู่ที่ 30% จากระดับปกติที่ 20-25% ในส่วนนี้เราก็คงจะทำอะไรไม่ได้ และก็ไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด แต่ในส่วนของเรื่องภัยแล้งเรากังวลมากกว่า เพราะส่วนนี้คงเป็นผลกระทบหลัก ๆ ที่เราเจอ"นายอาณัติ กล่าว
นายอาณัติ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังเจรจาเพื่อที่จะเข้าร่วมลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพ แต่ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจน จึงยังไม่สามาถเปิดเผยรายละเอียดอื่น ๆ ได้เพิ่มเติม
นอกจากนี้ บริษัทยังพิจารณาจะออกหุ้นกู้เพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากปัจจุบันที่ยังเหลือวงเงินในการออกหุ้นกู้ได้อีก 1,500-1,600 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างรอให้อัตราดอกเบี้ยมีความเหมาะสมก่อน โดยการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อนำไปทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะหมดอายุในเดือน ต.ค.59 ที่มีมูลค่า 1,000 ล้านบาท