บมจ.โซลาร์ตรอน (SOLAR) คาดหวังว่าปีนี้จะพลิกมีกำไรสุทธิ จากที่ขาดทุนสุทธิราว 60 ล้านบาทในปีที่แล้ว หลังจากตั้งเป้าหมายปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 1,600-2,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมีปริมาณงานในมือ (Backlog) ที่เซ็นสัญญาไปแล้วมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,787 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตจะมีงานใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงมียอดขายแผงโซลาร์เซลล์ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัท
ส่วนการรับรู้รายได้จากงานโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ประเภทโซลาร์ฟาร์ม และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บนหลังคา (โซลาร์รูฟ) คาดว่าจะเข้ามาในปี 60 หลังนโยบายรัฐบาลมีความล่าช้า ขณะที่บริษัทยังจะใช้บริษัทร่วมกับ บมจ.ไทยโพลีคอนส์ (TPOLY) ภายใต้กิจการร่วมทุนเข้าประมูลทำโซลาร์รูฟห้างเทสโก้ โลตัส อีกกว่า 200 แห่งหลังจากที่ได้สิทธิในการดำเนินงานครังแรกจำนวน 13 แห่ง
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมจะออกไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ในต่างประเทศ เพื่อดึงนักลงทุนสถาบันเข้าถือหุ้นบริษัทระยะยาว แทนผู้ถือหุ้น 2 รายใหญ่ที่ถอนตัวออกไปก่อนหน้านี้ด้วย
นางปัทมา วงษ์ถ้วยทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SOLAR เปิดเผยว่า ผลประกอบการในปี 59 พยายามทำให้พลิกเป็นกำไรสุทธิ โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 1,600-2,000 ล้านบาท สูงกว่าปี 58 ที่ 696 ล้านบาท รายได้มาจากงานรับเหมาก่อสร้างพร้อมติดตั้ง (EPC) งานราชการและเอกชนราว 800 ล้านบาท และรายได้ส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ไปยุโรปราว 700-800 ล้านบาท ซึ่งเซ็นสัญญาคอนแท็คไปแล้ว และยังมีออร์เดอร์ต่อเนื่อง
และแนวโน้มรายได้ไตรมาส 2/59 คาดว่าจะออกมาดีกว่าไตรมาส 2/58 ขณะที่ไตรมาส 1/59 มีรายได้แล้ว 432 ล้านบาทเกือบเท่าปี 58 ดังนั้น ทั้งปีก็มั่นใจว่าผลประกอบการจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หรือพลิกเป็นกำไร จากปีก่อนขาดทุน 60 ล้านบาท
สำหรับบริษัทลูกที่เข้าไปลงทุนเพื่อเป็นเจ้าของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับหน่วยงานภาคการเกษตร (โซลาร์ฟาร์มสหกรณ์) และเจ้าของโครงการโซลาร์รูฟท็อป คาดว่าจะเริ่มรับรายได้ในเดือน ม.ค.60
"ครึ่งแรกบริษัทลูกๆ ที่เข้าไปลงทุนเพื่อเป็นเจ้าของโครงการโซล่าฟาร์ม และเจ้าของโซล่าร์รูฟ เนื่องจากสัมปทานดีเลย์ ทำให้บริษัทต้องมีค่าใช้จ่าย โดยไตรมาส 1 ติดลบ 2 แสนกว่าบาท ซึ่งโครงการของบริษัทลูกจะไปออกดอกออกผลในปี 60 เพราะจะ COD ปลายปีนี้ แต่ทั้งปีนี้แม่ก็จะพยายามพลิกกำไรซึ่งแม่ก็จะเข้าไปประมูลงานเองให้มากที่สุด เพื่อผลประกอบการที่ดีขึ้น ส่วนงานรายได้จากการขายแผงโซลาร์เซลล์ในประเทศ ปีนี้จะไม่ขายมากเพราะจะเก็บไว้ทำงานระบบในปีหน้าซึ่งคุ้มมากกว่าการขายแผงเดี่ยวๆ แต่ส่งออกแผงยังคงขายต่อเนื่อง โดยเฉพาะขายไปนอร์เวย์ซึ่งเป็นตลาดหลัก"นางปัทมา กล่าว
นางปัทมา กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเดินสายโรดโชว์ทั้งในและต่างประเทศ หลังผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 2 รายขายหุ้นออก ทั้งนี้ เพื่อเรียกความเชื่อมั่น ซึ่งเราอยากได้กองทุนในและต่างประเทศเข้ามาถือหุ้นระยะยาวมากกว่า จากปัจจุบันสถาบันถือไม่ถึง 5%
"เป็นหน้าที่ของผู้บริหารที่จะต้องสร้างความมั่นใจนักลงทุน ตอนนี้เริ่มโรดโชว์แล้ว เป็นลักษณะ one on one เช่น เอเชีย จีน ยุโรป และกองทุนในประเทศ"
สำหรับบริษัท"กิจการร่วมค้า เอส แอล ที ที" มีแผนจะเข้าประมูลงานก่อสร้าง Tesco Thailand Roof Top Solar Project กับ บริษัท เอกชัย-ดีสทริบิวชั่น ซิสเท็ม จำกัด ในเฟสถัดไปซึ่งมีทั้งหมด 270 อาคาร ในไทย จากที่บิดดิ้งได้แล้ว 13 อาคาร ซึ่งก็เชื่อมั่นว่าจะได้งานเพิ่มเพราะเทสโก้มีบริษัทแม่ในอังกฤษ ซึ่งแม่เป็นผู้คัดเลือกเรา ถ้าได้งานของเทสโก้โลตัสมาแล้วก้ถือว่าเรามีมาตรฐานนานาชาติ ซึ่งเราก็จะมีรายได้จากส่วนนี้เพิ่มเข้ามาอีก ซึ่งต้นทุนครั้งต่อไปก็จะถูกลงเพราะดีไซน์ที่ยื่นไปใช้ได้กับทุกอาคาร
นอกจากนี้ ถ้ารัฐเปิดรับสมัคร ผู้รับเหมาฯโซลาร์รูฟเสรี 100 เมกะวัตต๋ กิจการร่วมค้าก็จะเข้าไปร่วมประมูลด้วย และในอนาคตอาคารประหยัดพลังงานมาแรง ก็จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท
ด้านายอัครเดช โรจน์เมธา กรรมการ SOLAR และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 3.96% กล่าวว่า อยู่ระหว่างหาพันธมิตรทางกลยุทธ (strategic partner) ในประเทศ โดยขณะนี้เจรจาไว้ 2-3 รายเพื่อให้เข้ามาถือหุ้นบริษัทและเป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งเป็นพันธมิตรที่เข้าใจธุรกิจของเรา