นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ เพื่อรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการลงประชามติของอังกฤษเรื่องการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ยังกดดันการลงทุนโดยรวม อีกทั้งราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงเป็นวันที่ 4 แล้ว
อย่างไรก็ดี การที่ล่าสุด MSCI ประกาศที่จะยังไม่เอา A-Share ของจีนเข้ามารวมในการคำนวณดัชนี น่าจะช่วยทำให้ผ่อนคลายความกังวลเรื่อง Fund Flow ไหลออกได้บ้างสำหรับตลาดหุ้นไทย ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวลง
พร้อมให้แนวรับ 1,415-1,420 จุด ส่วนแนวต้าน 1,430 ถัดไป 1,435-1,438 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 มิ.ย.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,674.82 จุด ลดลง 57.66 จุด (-0.33%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,843.55 จุด ลดลง 4.89 จุด (-0.10%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,075.32 จุด ลดลง 3.74 จุด (-0.18%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 59.93 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 27.50 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 226.52 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.69 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.03 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 7.53 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 5.19 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 มิ.ย.59) 1,428.10 จุด เพิ่มขึ้น 6.24 จุด (+0.44%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 98.40 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 มิ.ย.59) ปิดที่ 48.49 ดอลลาร์/
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 มิ.ย.59) ที่ 4.21 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.30/32 แนวโน้มอ่อนค่าต่อ รอติดตามผลประชุม FED เป็นทางการคืนนี้
- บอร์ดบีโอไอนัดถกวันนี้(15 มิ.ย.) หลังไม่ได้ประชุมมา 3 เดือนเตรียมเร่งพิจารณาอนุมัติ ส่งเสริมฯ ลงทุน 20 โครงการมูลค่าลงทุนระดับแสนล้านบาท คาดครึ่งปีหลังการลงทุนยังทยอยเข้ามาอีกเพียบโดยเฉพาะอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
- นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.รับทราบการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะทำหน้าที่ช่วยให้การลงทุนที่ยังติดปัญหาข้อกฎหมาย ติดรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เป็นไปด้วยความรวดเร็วขึ้น ซึ่งอาจจะต้องมีกฎหมายพิเศษเข้ามาช่วยเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานให้ได้ แต่จะไม่ใช่การไปยกเลิกกฎหมายที่มีอยู่แน่นอน
- แบงก์กสิกรไทยเตือนค่าเงินผันผวนอีกระลอก ก่อนอังกฤษลงประชามติกรณีอยู่-ออกกลุ่ม อียู เผยผลโพลล่าสุดฝ่ายออกข้างมากทำวิตกเกิดผลกระทบวงกว้าง แนะผู้ประกอบการซื้อประกันความเสี่ยงค่าเงิน
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยกระทรวงการคลังเตรียมออกมาตรการแก้หนี้นอกระบบเป็นแพ็กเกจเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเร็วๆ นี้ โดยมอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน จัดตั้งหน่วยหรือฝ่ายพิเศษขึ้นมา เพื่อดูแลเรื่องหนี้นอกระบบแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งจะมีการเก็บข้อมูลลูกหนี้และวัดผลสำเร็จโครงการเพื่อประเมินผลภาพรวม แตกต่างจากโครงการที่ผ่านมาที่เปิดให้มีการลงทะเบียนแล้วปล่อยกู้ สุดท้ายก็ไม่มีการวัดผล
- ครม.ไฟเขียวยกเครื่องกฎหมายบริหารหนี้สาธารณะ สั่งแยกหนี้ของหน่วยงานในกำกับดูแลของรัฐเป็นกลุ่มหนี้เงินกู้ที่มีความเสี่ยงทางการคลัง หลังปรับนิยามหนี้สาธารณะจะขยับเป็น 10 ล้านล้าน
- ทอท.เร่งเครื่องสุวรรณภูมิ เฟส 2 นำร่องเปิดขายซองกลุ่มงานส่วนที่ 1 ภายในเดือน มิ.ย.นี้ เผยบอร์ดพอใจหั่นมูลค่างานลงได้แล้ว 7.3 พันล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- BANPU-W3 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.บ้านปู (BANPU)) เทรดวันแรก จำนวน 1,290,939,275 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 5.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 5 ก.ย. 2559 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 5 มิ.ย. 2560
- SPALI (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 26 บาท มีสัญญาณฟื้นตัว ตามภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภค มองตลาดอสังหาต่างจังหวัดกำลังฟื้นตัวใน 2H16 จึงปรับประมาณการ Presales ปีนี้ เพิ่มขึ้น 15% พร้อมปรับประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าเพิ่มขึ้นปีละ 3.8% ส่งผลทำให้กำไรทั้งปีนี้และปีหน้าเติบโต 7.6% และ 8.5% ตามลำดับ แม้หุ้นปรับขึ้นมาแล้ว แต่ PE ปีนี้ยังต่ำเพียง 8 เท่า พร้อมปันผล 5% ต่อปี
- THAI (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลประกอบการ 2Q59 ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์จากราคาน้ำมันในช่วงต้น 2Q59 ที่อยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ THAI ยังได้รับผลบวกจากการท่องเที่ยวที่ยังแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวชาวจีน การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย และต้นทุนลดลงจากการปฏิรูปองค์กรในปี 58
- KAMART (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 9.50 บาท ปี 59 คาดกำไรโต 25.0%YoY หลังธุรกิจเครื่องสำอางยังมีทิศทางสดใสจากผลิตภัณฑ์เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นและมีมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากแบ่งบรรจุสินค้าเอง อีกทั้งยังมีการคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพและมีแผนขยายช่องทางจัดจำหน่ายทั้งในและ ตปท. และ มี Upside 16% และคาดให้ Div. yield ปีละ 3%