UAC เตรียมสรุปดีลโรงไฟฟ้าญี่ปุ่น 30-35 MW ภายในมิ.ย.,รอรบ.ใหม่พม่าลงตัวก่อนสรุปดีลพลังงานทดแทน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 15, 2016 14:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูเอซี โกลบอล (UAC) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างประเมินมูลค่าสินทรัพย์ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 30-35 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิ.ย.นี้ หลังจากนั้นจะเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารต่อไป และหากได้รับการอนุมัติก็จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ทันที โดยจะใช้งบลงทุนราว 3,000-4,000 ล้านบาท ใช้ระยะเวลาก่อสร้างราว 2 ปี พร้อมจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงปลายปี 60 ถึงต้นปี 61

สำหรับการศึกษาเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสีเขียว (Green Energy) ไม่ว่าจะเป็นไบโอแก๊ส ชีวมวล และแสงอาทิตย์ ในประเทศเมียนมานั้น ปัจจุบันยังรอความชัดเจนของรัฐบาลใหม่ในเมียนมา ประกอบกับยังอยู่ระหว่างเจรจาเกี่ยวกับการสนับสนุนโครงการพลังงานทดแทนดังกล่าว โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง

ส่วนงานโครงการผลิตไฟฟ้าในประเทศนั้นขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส 2 แห่ง ขนาดกำลังผลิตรวม 3 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่จังหวัดขอนแก่น โดยใช้เงินลงทุนเฉพาะในส่วนของ UAC จำนวน 150 ล้านบาท ซึ่งโครงการมีการก่อสร้างแล้วประมาณ 80-90% และบริษัทก็เตรียมยื่นเสนอขอขายไฟฟ้าดังกล่าวซึ่งคาดว่ารัฐบาลจะเร่งประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงไบโอแก๊สได้ภายในปีนี้ ทำให้ไม่ต้องตั้งสำรองโครงการและจะไม่มีผลกระทบต่องบการเงินของบริษัท

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประกอบการผู้ผลิตไฟฟ้าจากไบโอแก๊ส ได้รวมตัวจัดตั้งสมาคมผู้ผลิตไบโอแก๊สและจดทะเบียนเป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรม เพื่อเรียกร้องภาครัฐมีการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการไบโอแก๊ส ขณะที่ภาครัฐให้เหตุผลที่ยังไม่รับซื้อไฟฟ้าดังกล่าวเนื่องจาก สายส่งไฟฟ้าบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้นมีไม่เพียงพอและปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนิการปรับปรุงสายส่ง

นายชัชพล กล่าวอีกว่า สำหรับงานโครงการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (PPP) นั้นปัจจุบันมีการเดินเครื่องผลิตได้ 100% และคาดว่าสัปดาห์หน้าจะสามารถจ่ายก๊าซฯเข้าท่อได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งโครงการผลิตสารเคมีในผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์ของบริษัท ยูเอซี แอ็ดวานซ์ โพลิเมอร์ แอนด์ เคมิคอลส์ จำกัด (UAPC) ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1 หมื่นตัน/ปี จากปัจจุบันที่ 1 หมื่นตัน/ปี โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงครึ่งหลังปี 60 เพื่อรองรับการทำตลาดไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV ทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ขณะที่เงินลงทุนที่ใช้ในการเพิ่มกำลังการผลิตจะอยู่ที่ราว 120 ล้านบาท

นอกจากนี้โครงการผลิตไบโอดีเซล เฟส 2 ของ บริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด ที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 30% นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบกระบวนการผลิต โดยจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนมิ.ย. จะส่งผลให้กำลังการผลิตรวมเป็น 8.1 แสนลิตร/วัน จากปัจจุบันที่ 3.6 แสนลิตร/วัน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกราว 80-100 ล้านบาท/ปี

ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อพัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มร่วมกับ บริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด ด้วยการนำผลผลิตที่ได้จากไบโอดีเซลไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอาง ,ยารักษาโรค,เส้นใยเสื้อผ้า ซึ่งจะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงด้านการขายผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซลในรูปแบบเดียว เนื่องจากมองว่าผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มนั้นมีมาร์จิ้นที่ดีกว่า

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 1,800 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากธุรกิจเทรดดิ้ง 1,000 ล้านบาท ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 400 ล้านบาท และธุรกิจพลังงาน 400 ล้านบาท ในขณะเดียวกันได้ตั้งเป้าหมายระยะยาว 5 ปี (59-63) รายได้จะขึ้นไปแตะระดับ 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการเน้นขยายการลงทุนโครงการพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งงบลงทุนไว้เฉลี่ยปีละ 1,000 ล้านบาท

นายชัชพล กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/59 ว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/59 เพราะมีการรับรู้รายได้จากการเข้าถือหุ้น 100% โรงไฟฟ้า 2 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าเสาเถียรเอ และโรงไฟฟ้าประดู่เฒ่า กำลังการผลิตรวม 6.9 เมกะวัตต์ ที่จะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี ในขณะที่ธุรกิจเทรดดิ้งเองก็ยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ