นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI) กล่าวว่า บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ในครึ่งหลังปีนี้อีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว Issara Residence Rama 9 มูลค่า 1,391 ล้านบาท และโครงการบ้าน Issara Bangna มูลค่า 1,700 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิด Presale ได้ในช่วงไตรมาส 4/59 รวมถึงโครงการ IU Residence&Villa มูลค่า 294 ล้านบาท จะเริ่มเปิดขายได้ในไตรมาส 3/59 และโครงการ Sri Panwa Residence (1 Unit) มูลค่า 350 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในปี 60
อีกทั้งยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้แก่ โครงการ The Issara Chiangmai ,Baba Beach Club Phuket ,Baba Beach Club Hua Hin ,Baba Villa Hua Hin และ Baan Thaw Talay lll :BLU ซึ่งจะทยอยแล้วเสร็จได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทฯได้ขยายธุรกิจไปสู่การรับบริหารโรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ โดยที่ผ่านมาได้มีการเซ็นสัญญารับบริหารโรงแรม และพัฒนาโครงการในประเทศจีน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปีนี้
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตราว 15-20% หรือไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท และมียอดขายไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท จากปัจจุบันมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) ราว 1,804 พันล้านบาท คาดจะทยอยรับรู้ในปีนี้บางส่วน
ส่วนการย้ายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา (SPWPF) มูลค่า 2,000 ล้านบาท ไปเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) คาดว่าจะดำเนินการได้ในไตรมาส 4/59 และเตรียมนำสินทรัพย์ขายเข้ากอง REIT เพิ่มเติม คือ โครงการ Sri Panwa เฟส 2 มูลค่า 1,250 ล้านบาท โดยจะนำเงินที่ได้ไปลงทุนโครงการในอนาคต และใช้คืนหนี้สถาบันทางการเงิน
"ปีเราคาดว่ารายได้จะเติบโตราว 15-20% จากรับรู้ยอดโอนโครงการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และการขายสินทรัพย์เข้ากองรีท มูลค่า 1,250 ล้านบาท ที่จะดำเนินการในไตรมาส 4/59 ซึ่งจะทำให้รายได้เป็นไปตามเป้าหมาย"นายสงกรานต์กล่าว
นายสงกรานต์ กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งงบลงทนซื้อที่ดินปีนี้ตั้งไว้ 1,000 ล้านบาท ที่ผ่านมาใช้ซื้อที่ดินที่ชะอำ-หัวหินไปแล้ว และเหลืออยู่ประมาณ 600-700 ล้านบาท อยู่ระหว่างพิจารณาซื้อที่ดินย่านศรีราชา และกรุงเทพฯ เพื่อจะพัฒนาเป็นโครงการบ้าน และคอนโดมิเนียม