MBKET คาดปีนี้มาร์เก็ตแชร์ 9-10% จาก Q1/59 อยู่ที่ 8.29% เน้นบริการลูกค้าใกล้ชิด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 16, 2016 18:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มั่นใจส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ (มาร์เก็ตแชร์) ในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 9-10% แม้ว่าไตรมาส 1/59 จะมีมาร์เก็ตแชร์ราว 8.29% โดยบริษัทจะเน้นการให้บริการกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งวางเป้าหมายรายได้ในปีนี้เติบโต 0-10% โดยในครึ่งปีหลังมีงานที่ปรึกษาทางการเงินในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 3-4 ราย

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม MBKET กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ปีนี้จะอยู่ที่ 9-10% จากไตรมาส 1/59 อยู่ที่ 8.29% โดยจะเน้นในเรื่องของการดูแลลูกค้า จากการให้บริการมากขึ้น เช่น การตอบคำถามนักลงทุน ผ่านแอพพลิเคชั่น LINE ที่ชื่อว่า Maybank Kim Eng LINE รวมถึงบริการวิจัยด้วย

ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตราว 0-10% จากปีก่อนที่ทำได้ 4,175.63 ล้านบาท โดยครึ่งปีหลังเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มอีกจำนวน 3-4 บริษัท จากงานที่มีอยู่ในมือ 7-10 บริษัท ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีบริษัทที่ทำธุรกิจยานยนต์ในมาเลเซียเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นรายแรกอีกด้วย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในครึ่งปีแรกของปี 60

ขณะที่ก็มีงานวาณิชธนกิจ (IB) ด้านอื่น ๆ เช่น งานที่ปรึกษาการซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) , จัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) , จัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infratructure Fund) ,งานที่ปรึกษาทางการเงิน FA รวมกว่า 15 ดิลที่จะเกิดขึ้นทั้งในปีนี้และปีหน้า

สำหรับสัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากค่านายหน้าราว 70% ค่าคอมมิชชั่น 2% และค่าดอกเบี้ยรับ 27% โดยค่าคอมมิชชั่นปัจจุบันอยู่ที่ 0.14-0.15% ซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม นอกจากนี้ บริษัทจะมีการเพิ่มบัญชีเงินกู้ยืม (มาร์จิ้นโลน) เป็น 15,000-16,000 บัญชี จากปัจจุบันอยู่ที่ 12,000 บัญชี รวมถึงตั้งเป้าเพิ่มบัญชีลูกค้าอีก 10,000 บัญชี จากปัจจุบัน 180,000 บัญชี

ส่วนภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงเป้าหมายดัชนีปีนี้ที่ระดับ 1,650 จุด และมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันราว 40,000 ล้านบาท จากคาดการณ์สถานการณ์ครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น โดยยังคงต้องติดตามปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก ทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) การเปลี่ยนของสหภาพยุโรป เศรษฐกิจจีนและญี่ปุ่น เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ