นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า เพื่อตอบสนองดีมานด์ความต้องการที่เติบโต แสนสิริจึงได้วางแผนที่จะเปิดขายโครงการโมริ เฮาส์ (mori HAUS) มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท ให้แก่ลูกค้าชาวไทยอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมนี้ หลังจากประสบความสำเร็จจากการขายลูกค้าในญี่ปุ่น ฮ่องกงและสิงคโปร์มาแล้วด้วยยอดขายรวมกว่า 700 ล้านบาท ซึ่งแสนสิริก็มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างดีเช่นกัน
แสนสิริสามารถปิดการขายโครงการฮาสุ เฮาส์ (hasu HAUS) มูลค่า 1,350 ล้านบาท ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ของแสนสิริบนทำเลที 77 หรือที 77 คอมมูนิตี้ (T77: T77 Community) ได้ด้วยสัดส่วนลูกค้าไทย 52% และลูกค้าต่างชาติ 48% โดยลูกค้าต่างชาติที่ซื้อสูงสุด 3 อันดับ คือ ชาวฮ่องกง จำนวน 18% ของมูลค่าโครงการรวม หรือคิดเป็นมูลค่า 252 ล้านบาท, ชาวอังกฤษ จำนวน 7% หรือคิดเป็นมูลค่า 100 ล้านบาท และชาวสิงคโปร์และมาเลเซีย 5% หรือคิดเป็นมูลค่า 75 ล้านบาท
"กลุ่มลูกค้าที่ซื้อโครงการฮาสุ เฮาส์ส่วนใหญ่เป็นเรียลดีมานด์ ที่ซื้อเพื่ออยู่เองเนื่องจากทำเล “ที77(T77)" ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยชีวิตเมืองอย่างแท้จริงจากที่ตั้งบนถนนสุขุมวิท 77 ใกล้รถไฟฟ้าและทางด่วนที่สามารถเดินทางไปยังศูนย์กลางด้านธุรกิจและไลฟ์สไตล์ได้อย่างสะดวกสบาย การออกแบบโครงการที่แม้อยู่ในเมืองแต่ก็มอบความสงบและละเมียดละไมในการใช้ชีวิต อีกทั้งทำเล “ที77(T77)" ยังเป็นคอมมูนิตี้คุณภาพที่มอบสุนทรียะแห่งการใช้ชีวิตในอีกระดับเพราะสามารถรองรับความต้องการของทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยด้วยโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพจากแสนสิริ, อพาร์ทเมนต์ระดับพรีเมี่ยมของมั่นคงเคหะการ, แคมปัสใหม่ของระดับชั้นมัธยมของโรงเรียนนานาชาติบางกอก เพรพที่จะเปิดในเดือนสิงหาคมปี 2560"นายอุทัย กล่าว
นายอุทัย กล่าวอีกว่า สำหรับลูกค้ากลุ่มนักลงทุน เหตุผลหลักที่ตัดสินใจลงทุนในฮาสุ เฮาส์ เนื่องจากความเชื่อมั่นในแบรนด์ของแสนสิริ ศักยภาพของทำเลที่ถือเป็นโซนที่ใกล้ทำเลสุขุมวิทตอนกลางอย่าง เอกมัย ทองหล่อและพร้อมพงษ์ที่สุดจึงมีความต้องการจากลูกค้าชาวไทยและต่างชาติเป็นจำนวนมากและทำให้มีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าสูงถึง 5-7% ต่อปี ขณะที่เงินลงทุนในการซื้อคอนโดมิเนียมต่ำกว่าคอนโดมิเนียมในโซนเอกมัย ทองหล่อ และกรุงเทพฯชั้นในราว 30-70%
นอกจากนี้แสนสิริได้จับมือกับ บมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) และโรงเรียน Bangkok International Preparatory and Secondary School (บางกอกเพรพ) ในการร่วมพัฒนาพื้นที่ “ที77 (T77)" ให้เป็นฮับแห่งการอยู่อาศัย การศึกษา และไลฟ์สไตล์ที่ตอบสนองทุกความต้องการของชาวต่างชาติและชาวไทยรุ่นใหม่ด้วย