นายนพดล ปิ่นสุภา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ปตท. ได้รับแจ้งจากบริษัทผู้ผลิตแหล่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่พัฒนาร่วม ไทย-มาเลเซีย (เจดีเอ เอ-18) จะทำการซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซฯ ประจำปีเป็นระยะเวลา 12 วัน ระหว่างวันที่ 20-31 สิงหาคม 2559 เพื่อรักษาความสามารถในการจ่ายก๊าซฯ ตามสัญญา ส่งผลให้ปริมาณ ก๊าซธรรมชาติในระบบขาดหายไปประมาณ 420 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน แบ่งเป็นส่วนที่จัดส่งเข้าสู่ระบบท่อก๊าซฯ ในพื้นที่ภาคตะวันออกในปริมาณ 190 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน และส่วนที่จัดส่งไปเป็นเชื้อเพลิงในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างกับโรงไฟฟ้าจะนะ และสถานีจ่ายก๊าซเอ็นจีวีหลักจะนะ จ.สงขลา ในปริมาณ 230 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ส่งผลให้โรงไฟฟ้าจะนะจำเป็นต้องหยุดใช้ก๊าซฯ และกระทบต่อปริมาณก๊าซเอ็นจีวีในสถานีบริการฯ พื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา
โดย ปตท. ได้เตรียมแผนรองรับสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่ ทั้งการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้าภาคใต้ การจัดหาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอื่นและก๊าซธรรมชาติเหลว พร้อมทั้งเตรียมขนส่งก๊าซเอ็นจีวีจากสถานีหลักอื่นๆ มาบรรเทาสถานการณ์ และด้วยแผนบริหารจัดการดังกล่าว ทำให้ปริมาณก๊าซฯ ในฝั่งตะวันออกของประเทศจะไม่ได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ ปตท. ได้วางแผนบริหารจัดการพลังงานร่วมกับ กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยจะมีการเตรียมน้ำมันสำรอง ณ โรงไฟฟ้าจะนะและโรงไฟฟ้ากระบี่ให้เพียงพอตลอดช่วงการทำงานของผู้ผลิตก๊าซฯ และ ปตท. ได้ขอความร่วมมือกับผู้ผลิตก๊าซฯ รายอื่นๆ ให้หลีกเลี่ยงการทำงานที่มีผลกระทบต่อการจ่ายก๊าซฯ โดยผู้ผลิตก๊าซฯ แจ้งว่าภายหลังการหยุดผลิตข้างต้น จะทยอยเพิ่มกำลังการผลิต คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 18 วัน การผลิตจึงจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงกลางเดือนกันยายน
จากการประสานงานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทราบว่าโรงไฟฟ้าจะนะชุดที่ 1 จะหยุดซ่อมบำรุงระหว่างวันที่ 4 กันยายน-7 ตุลาคม 2559 จึงคาดว่าไม่มีผลกระทบจากการทยอยเพิ่มกำลังการผลิตแต่อย่างใดนอกจากนี้ ปตท. ยังได้เตรียมเดินสายสื่อความกับผู้บริหารสถานีบริการเอ็นจีวี หน่วยงานราชการ สื่อมวลชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้ก๊าซเอ็นจีวีในพื้นที่ได้รับทราบ เพื่อขอความร่วมมือปรับแผนการใช้พลังงานในสถานการณ์ดังกล่าว
“แหล่งก๊าซฯ เจดีเอ ถือเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของประเทศไทย ทั้งใช้เพื่อการผลิตกระแส ไฟฟ้าและใช้ในภาคขนส่ง ส่งเสริมหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ การซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซฯ ของผู้ผลิต จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปตท. ต้องขออภัยในความไม่สะดวก และพร้อมบริหารจัดการอย่างดีที่สุดตามแผนที่ได้เตรียมการไว้ เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด" นายนพดล กล่าว