นางจันทนา กาญจนาคม กรรมการผู้อำนวย บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH Fund) ในกลุ่มบมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHBANK) เปิดเผยว่า บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ในสิ้นปี 60 อยู่ที่ 1 แสนล้านบาท จากสิ้นปีนี้ที่ตั้งเป้าอยู่ที่ 7-8 หมื่นล้านบาท
ขณะที่สิ้นเดือนพ.ค.มีขนาด AUM รวมอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น กองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริทรัพย์ (REIT) มูลค่า 2.69 หมื่นล้านบาท กองทุนรวม (Mutual Fund) มูลค่า 3.11 หมื่นล้านบาท กองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์การเพิ่มขนาด AUM ในครึ่งปีหลังนั้นบริษัทจะมีการออกกองทุนรวมใหม่อีก 3-4 กอง ซึ่งจะเป็นกองทุนรวมที่มีการลงทุนในทองคำ 1 กอง กองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 1 กอง และกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นกลุ่ม Asia Ex Japan 1 กอง
นอกจากนี้บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยังอยู่ระหว่างศึกษาการเพิ่มทุนของ 2 กอง REIT ที่บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์เป็นผู้บริหารกอง คือ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ (LHSC) และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) มูลค่าที่จะเพิ่มทุนรวมไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท โดยจะเป็นการเพิ่มทุนเฉลี่ยกองละหลักพันล้านบาท ซึ่งทางบลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ คาดว่าจะสามารถเพิ่มทุนได้ภายในปีนี้ โดยเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจะนำไปซื้อสินทรัพย์เข้ามาเพื่อขยายขนาดกองรีททั้ง 2 กอง
โดยสินทรัพย์ที่จะซื้อเข้ามาเป็นสินทรัพย์ที่อยู่ในกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และสินทรัพย์นอกกลุ่ม โดยสินทรัพย์ใหม่ที่ซื้อเข้ามานั้นจะต้องให้ผลตอบแทนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนในตลาดปัจจุบันอยู่ที่ 5% และผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมจะต้องไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องผลตอบแทนที่ลดลง ซึ่งการเพิ่มทุนนั้นบลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จะต้องมีการนำเรื่องเสนอขออนุมัติจากผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมก่อน
อีกทั้งบลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยังอยู่ระหว่างการรออนุมัติในการเป็นผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Trustee) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)หลังจากได้ยื่นแบบคำขออนุญาตไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุช่วงเวลาที่จะได้รับอนุมัติจากทางก.ล.ต.ที่แน่นอนได้ ส่วนสาเหตุที่บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ต้องการเป็นผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพราะจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จากการที่บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ สามารถไปดำเนินการจัดตั้งและบริหารกองรีทกองอื่น ๆ ได้ นอกเหนือจากกองรีทในกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งบลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีความรู้และความชำนาญในเรื่องการบริหารจัดการกองรีทที่ดีมาก
นอกจากนี้ตามแผนงานภายใน 5-10 ปีข้างหน้าของบลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ วางแผนที่จะไปจัดตั้งกอง REIT ในต่างประเทศ เนื่องจากกอง REIT ในต่างประเทศยังมีโอกาสในการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นการกระจายการลงทุนออกไปเพื่อทำให้มีผลตอบแทนเพิ่มมากขึ้น โดยการจัดตั้งกอง REIT ในต่างประเทศนั้นมองว่าสินทรัพย์ที่จะนำเข้าจัดตั้งอาจจะเป็นอาคารสำนักงานในต่างประเทศ อย่างไรก็ตามก่อนที่บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จะมีการจัดตั้งกอง REIT ในต่างประเทศเองก็ได้มีแนวคิดที่จะทำกองทุนรวมที่ลงทุนในกอง REIT ต่างประเทศ เพื่อนำเสนอให้กับนักลงทุนด้วย
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า การวางกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังจะต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากตลาดยังมีผันผวนจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ อาทิ การลงประชามติของประเทศอังกฤษ (Brexit) ในการออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มสหภาพยุโรป โดยได้วางกลยุทธ์การลงทุน Asset Allocation หรือการจัดสัดส่วนกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ ซึ่งมีความโดดเด่นในด้านการกำหนดความเสี่ยงประเภทสินทรัพย์ในแต่ละกองทุน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสร้างผลตอบแทนสูงสุดแก่ผู้ลงทุน
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีความน่าสนใจ หลังจากดัชนีปรับลดลงแล้วประมาณ 20% นับจากต้นปีเนื่องจากค่าเงินเยนที่แข็ง ประกอบกับหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีการพึ่งพิงการบริโภคจากภายในประเทศยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ขณะที่การลงทุนในกอง REIT ในประเทศแถบเอเชียก็ยังมีความน่าสนใจ อาทิ กอง REIT ในประเทศญี่ปุ่นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ กอง REIT ในประเทศสิงคโปร์ที่ยังมีผลตอบแทนอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยมีโอกาสที่สร้างผลตอบแทนเอาชนะภาวะตลาดที่ผันผวนได้ นอกจากนี้ทองคำก็เป็นสินทรัพย์ที่ยังน่าลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงในช่วงตลาดผันผวนเช่นกัน