นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 21 – 27 มิถุนายน 2559 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ดีซี (KEFF6MDC) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.85% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน เอไอ (KEFF3MAI) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.70% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
ด้านมุมมองการลงทุนและปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ นายนาวินกล่าวว่า ตลาดให้ความสนใจต่อประเด็นการลงประชามติของอังกฤษที่จะออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ทั้งนี้คาดว่าผลสรุปยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่สูงหลังจากผลโหวตของโพลส่วนใหญ่ออกมาใกล้เคียงกันระหว่างส่วนที่เห็นด้วยกับไม่เห็นด้วย ส่งผลให้ตลาดหุ้นยังมีความผันผวนสูงโดยเฉพาะตลาดหุ้นยุโรป ขณะที่ราคาพันธบัตรรัฐบาลฝั่งยุโรปปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เป็นการตอกย้ำว่ายังมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
ส่วนปัจจัยภายในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของไทย โดยบลจ.กสิกรไทยคาดว่ากนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก บลจ.กสิกรไทยขอนำเสนอทางเลือกแก่ผู้ลงทุนโดยสามารถลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการ ที่มีอายุระหว่าง 3-6 เดือน เพื่อรอดูความชัดเจนพร้อมโอกาสล็อกผลตอบแทนที่แน่นอน
นายนาวิน กล่าวเพิ่มเติมถึงรายละเอียดของกองทุนว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ดีซี (KEFF6MDC) เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation, เงินฝาก Agricultural Bank of China และเงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์ นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ Isbank และตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี
ด้านกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน เอไอ (KEFF3MAI) เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation, เงินฝาก Agricultural Bank of China,และเงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์ นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ Isbank และตราสารหนี้ Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี
โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย