นางสาวสุกัญญา สุขเจริญไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป (ACAP) กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/59 อยู่ในทิศทางที่ดี โดยยอดการปล่อยสินเชื่อมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากจุดเด่นในเรื่องของการให้บริการที่รวดเร็ว และมีความยืดหยุ่นของบริษัททำให้ในช่วงที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการขยายงานในส่วนการปล่อยสินเชื่อแล้ว บริษัทยังได้ดำเนินงานขยายงานในส่วนของธุรกิจการติดตามหนี้ โดยผ่านบริษัทย่อย คือ Global Service Center ซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการ Call Center โดยล่าสุดเพิ่งได้บรรลุข้อตกลงบริการติดตามหนี้ให้กับหน่วยงานภาครัฐ มูลหนี้ประมาณ 3,000 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มธุรกิจของบริษัทในปี 59 นี้ มีความเป็นไปได้สูงที่ยอดการปล่อยสินเชื่อจะเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ระดับ 2,000 ล้านบาท ดังนั้นภายในระยะเวลา 5 ปี เชื่อว่าบริษัทจะมียอดในการปล่อยสินเชื่อที่ระดับ 10,000 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/59 บริษัทมีกำไรสุทธิ 16.7 ล้านบาท และไตรมาส 2/59 คาดว่าจะมีกำไรโตต่อเนื่อง
"ผลการดำเนินงานของบริษัทตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถพลิกกลับมามีกำไร หลังการปรับโครงสร้างธุรกิจและการบริหารภายใน ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่า ACAP ถือเป็นบริษัทที่พลิกฟื้นกลับมาอีกครั้ง (Turnaround) โดยปีนี้มีความเป็นไปได้สูงที่ยอดการปล่อยสินเชื่อจะเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ระดับ 2,000 ล้านบาท"นางสาวสุกัญญา กล่าว
นางสาวสุกัญญา กล่าวว่า ส่วนเรื่องการเตรียมขายหุ้นกู้รอบสองนั้นคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีมากขึ้นจากภาพรวมอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่อยู่ในระดับต่ำ และแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทที่ Turn Around กลับมามีกำไรอีกครั้งทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่น ซึ่งปัจจุบันบริษัทเดินหน้าขยายงานอย่างต่อเนื่อง โดยแผนการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
โดยบริษัทยื่นแบบแสดงรายการการเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัท มูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาท และมีหุ้นกู้สำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติมไม่เกิน 300 ล้านบาท อายุหุ้นกู้ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2561 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 5.60 ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ ระยะเวลาจองซื้อวันที่ 23-24 และ 27 มิ.ย.59 ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่าย คือ บล.เออีซี และ บล.โกลเบล็ก เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้รองรับการขยายธุรกิจของบริษัท และ/หรือเพื่อการนำไปใช้ในการลงทุนของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทมิได้จัดให้มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและของหุ้นกู้