นายรณกฤต สารินวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังมีความผันผวน เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงติดตามการทำประชามติถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) ซึ่งเป็นประเด็นที่กดดันบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนด้วย เพราะค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าสวนทางค่าเงินยูโร
ขณะที่สหรัฐมีโอกาสที่เศรษฐกิจจะขยายตัวช้าลง หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มองว่าภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ยังไม่เหมาะที่จะเร่งปรับอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งจะส่งผลลบต่อการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ
“ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังคงมีความผันผวน เนื่องจากสินค้าโภคภัณฑ์จะอ่อนตัวในระยะนี้ ประกอบกับหุ้นกลุ่มแบงก์มีแรงขายจากเรื่องของ 'พร้อมเพย์" เพราะกังวลว่ารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะลดลง และให้จับตาดูโพลของอังกฤษ หากฝ่ายสนับสนุนให้โหวตออกมีมากขึ้นเรื่อยๆ หุ้นจะตก แต่หากฝ่ายโหวตออกมีปริมาณน้อยลง หุ้นจะฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวรับที่ระดับ 1,370 เป็นจุดที่รับที่แข็งแกร่งในรอบนี้"นายรณกฤตกล่าว
ทั้งนี้ หากผลของการลงประชามติออกมาสนับสนุนให้อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไม่มากนัก เนื่องจากมีมูลค่าการส่งออกไปอังกฤษ เพียง 2% ของการส่งออกทั้งหมด อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มยูโรโซนเกิดภาวะถดถอย ภาคส่งออกของไทยก็ต้องได้รับผลกระทบตามมาเช่นกัน