นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวว่า ปตท.อยู่ระหว่างทำแผนแม่บท (มาสเตอร์แพลน) อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemicals ) รองรับนโยบายที่ต้องการให้ประเทศเติบโตทางเศรษฐกิจ แบบ S-curve ซึ่งคาดจะสรุปแผนเสร็จสิ้นในปลายปีนี้ โดยการศึกษาจะครอบคลุมทั้งเชื้อเพลิงชีวภาพ,อุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ ตลอดจนวัตถุดิบการผลิต และการตลาดควบคู่กันไป
อย่างไรก็ตาม มาสเตอร์แพลนดังกล่าว ภาครัฐอาจต้องเข้ามาสนับสนุนด้วยการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้ใช้พลาสติกชีวภาพ เพราะสินค้าประเภทนี้มีต้นทุนสูงกว่าสินค้าปกติถึง 2-3 เท่า แต่ก็จะเป็นผลดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และช่วยสนับสนุนเกษตรกร โดยปัจจุบันปตท.ก็ได้หารือกับกลุ่มผู้ใช้ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งกลุ่มอาหาร กลุ่มผู้จำหน่ายกาแฟ กลุ่มร้านค้าสะดวกซื้อต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการใช้พลาสติกชีวภาพมากขึ้น
ปตท.มีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพให้เป็นศูนย์กลางการผลิตของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีเป้าหมายขยายธุรกิจพลาสติกชีวภาพให้เป็น 2% ของรายได้ภายในปี 63 โดยจะใช้เงินลงทุนรวมทั้งกลุ่ม ปตท. ประมาณ 40,000 ล้านบาท
อนึ่ง สำหรับการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพของกลุ่มปตท.ในขณะนี้ มีโครงการร่วมทุนระหว่างปตท.กับมิตซูบิชิ เคมิคอล (MCC) จากญี่ปุ่น ผลิตพลาสติกชีวภาพประเภท Polybutelene Succinate (PBS) จากน้ำตาลรายแรกของโลก โดยโรงงานมีกำลังผลิต 2 หมื่นตัน/ปี ซึ่งจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ขณะที่บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ก็ศึกษาแผนตั้งนิคมอุตสาหกรรมด้านไบโอพลาสติก (ไบโอฮับ) เพื่อรองรับการผลิตพลาสติกชีวภาพในอนาคต โดยรูปแบบการลงทุนจะเป็นการนำอ้อยมาผลิตน้ำตาล เอทานอล ไฟฟ้า สำหรับภาคอุตสาหกรม รองรับการร่วมทุนตั้งโรงงานพลาสติกชีวภาพชนิด Polylactic Acid (PLA) ในอนาคตด้วย