ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,424.68 จุด ลดลง 6.12 จุด (-0.43%) มูลค่าการซื้อขาย 43,658.28 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ในภาคเช้า และภาคบ่ายพลิกกลับเป็นเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,434.40 จุด และดัชนีทำระดับต่ำสุดของวันที่ 1,422.27 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 410 หลักทรัพย์ ลดลง 718 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 354 หลักทรัพย์
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในภาคเช้าเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ และในช่วงบ่ายปรับตัวลดลงและเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยส่วนหนึ่งคาดว่าจะมาจากแรงขายทำกำไรในช่วงบ่ายเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจจะมาจากปัจจัยความกังวลการลงประชามติในอังกฤษเกี่ยวกับการถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่ยังคงกดดันและมีน้ำหนักอย่างมากในช่วงนี้ ส่วนปัจจัยอื่น ๆ ยังไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการลงทุนในตลาดหุ้น
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้มีตลาดหุ้นที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น และตลาดหุ้นที่ดัชนีปรับตัวลดลงคละกัน โดยมาจากปัจจัยภายในของแต่ละประเทศ แต่ปัจจัยเรื่อง Brexit ยังคงกดดันตลาดภูมิภาคอยู่บ้างเช่นเดียวกัน
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้คาดว่าดัชนียังคงแกว่งตัวผันผวนในกรอบ และตลาดรอดูความชัดเจนของการโหวต Brexit ซึ่งสำหรับตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะตอบรับปัจจัยของความชัดเจนในเรื่อง Brexit ได้ในช่วงเช้าวันศุกร์นี้
พร้อมให้แนวต้าน 1,430-1,440 จุด แนวรับ 1,410-1,420 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
THAI มูลค่าการซื้อขาย 2,114.81 ล้านบาท ปิดที่ 22.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.10 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,095.01 ล้านบาท ปิดที่ 14.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,752.87 ล้านบาท ปิดที่ 131.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
BEM มูลค่าการซื้อขาย 1,630.02 ล้านบาท ปิดที่ 6.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท
JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,368.69 ล้านบาท ปิดที่ 5.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท