นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ (CHOW) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (CE) ซึ่งเป็นย่อยที่ทำธุรกิจพลังงาน ได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญ ในการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) และแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจพลังงานทดแทน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจในอนาคต
สำหรับเชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ ประกอบธุรกิจโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) ได้เริ่มลงทุนในประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก ปัจจุบันมีโครงการที่ลงทุนด้วยตัวเองผ่านบริษัทย่อยจำนวน 33 เมกะวัตต์ ลงทุนร่วมกันพันธมิตรจำนวน 40 เมกะวัตต์ และพัฒนาเพื่อจำหน่ายให้กับพันธมิตรทางธุรกิจอีก 57 เมกะวัตต์ ส่วนตลาดในประเทศ เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ ได้มุ่งขยายฐานธุรกิจผ่านโครงการผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) โดยแบ่งโครงการออกเป็น 3 ขนาด คือ ขนาดเล็กประเภทที่อยู่อาศัย ขนาดกลางประเภทอาคารพาณิชย์และอาคารสำนักงาน และขนาดใหญ่ในโรงงานอุตสาหกรรม ปัจจุบันติดตั้งแล้วจำนวน 7 เมกะวัตต์ จึงทำให้ เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ เป็นผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์อย่างครบวงจรทั้ง Solar Farm และ Solar Rooftop และมีนโยบายจะขยายการลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ มีทุนจดทะเบียน 570,000,000 บาท และอยู่ระหว่างการดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 760,000,000 บาท ด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 380,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และเตรียมจัดสรรหุ้นจำนวน 95,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-emptive Rights) และจัดสรรหุ้นจำนวน 285,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และหุ้นที่เหลือจากการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-emptive Rights) เสนอขาย IPO หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติให้ดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวเมื่อเดือนเม.ย.
สำหรับผลประกอบการในปี 2558 ที่ผ่านมาเชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ มีรายได้เติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง เพิ่มจาก 93.18 ล้านบาทในปี 57 มาเป็น 1,072.58 ล้านบาท ในปี 58 เติบโตขึ้น 979.40 ล้านบาท หรือ 1,051.08% โดยรายได้ในปี 58 มาจากการขายไฟฟ้า จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 78 ล้านบาท จากกำลังการผลิต 8.92 เมกะวัตต์ รายได้จากการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 687 ล้านบาท รายได้จากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจำนวน 270 ล้านบาท และที่เหลือเป็นรายได้อื่น ๆ ในขณะที่ผลประกอบการพลิกจากขาดทุน 31.88 ล้านบาทในปี 57 มาเป็นมีกำไร 51.63 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 261.95% โดยในปี 59 จะเป็นปีที่ เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ รับรู้รายได้จากการขายไฟไม่น้อยกว่า 80 เมกะวัตต์ และรายได้จากงานก่อสร้างและพัฒนาโครงการอื่น ๆ อย่างเต็มตัว