Brexit: GL มอง Brexit เป็นผลดีต่อการขยายธุรกิจ ชี้เป็นโอกาสเทคโอเวอร์กิจการ เล็งในอินโดฯ-เวียดนาม-ศรีลังกา

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 27, 2016 12:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กรุ๊ปลีส (GL) กล่าวถึงผลจากการลงประชามติให้อังกฤษแยกตัวออกจากการเป็นประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรป (Brexit) ว่า จะเป็นผลดีต่อการขยายธุรกิจของ GL เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.5 เท่า ประกอบกับในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2559 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวนไม่เกิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้แก่ J Trust Asia Pte. Ltd (JTA) จึงทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมด้านเงินทุนที่จะนำมาใช้ขยายกิจการในช่วงที่เกิดภาวะวิกฤตในทุกสถานการณ์ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีโอกาสเข้าควบรวมกิจการ (M&A) ได้ในราคาที่ต่ำ เพื่อเดินหน้าขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างรวดเร็ว

โดยบริษัทมีความมั่นใจว่าภายใต้การดำเนินธุรกิจด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์นั้น จะสามารถนำไปใช้ขยายธุรกิจได้กับทุกประเทศ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา GL ได้รับข้อเสนอให้เข้าควบรวมกิจการจากผู้ประกอบการธุรกิจด้านการเงินในอาเซียนหลายราย แต่ยังไม่มีข้อสรุปเนื่องจากราคาค่อนข้างสูง

“มองว่าผลจากการลงประชามติ Brexit จะทำให้บริษัทมีโอกาสที่ดีอีกมากมายในการเข้าควบรวมกิจการ โดยเรามองไปที่ประเทศอินโดนีเซีย เวียดนามและศรีลังกา ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยความปั่นป่วนในตลาดเงินและตลาดทุนอันเป็นผลสืบเนื่องจาก Brexit จะทำให้เป้าหมายในการเทคโอเวอร์ของเราราคาถูกลง"นายมิทซึจิ กล่าว

นายมิทซึจิ กล่าวว่า ในส่วนของ J Trust Asia Pte. Ltd (JTA) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ GL หลังจากใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของบริษัทเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทาง JTA ยืนยืนว่าไม่มีการขายหุ้นออกไปและพร้อมร่วมมือกับ GL ขยายธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียและภูมิภาคอาเซียนในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ โดยปัจจุบันยังคงถือหุ้นใน GL จำนวน 6.43% หรือคิดเป็น 98.1 ล้านหุ้น

อย่างไรก็ตามกรณีที่ www.set.or.th ได้ปรากฏรายชื่อ JTA เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่ 4.82% หรือคิดเป็นจำนวน 73.575 ล้านหุ้นนั้น เกิดจากมีการถือหุ้นบางส่วนผ่านทาง Custodian จึงส่งผลให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ซึ่งทาง GL ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทแล้ว

สำหรับการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2559 ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) GL-W4 จำนวน 170 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 9 หุ้นเดิมต่อ 1 วอแรนต์ กำหนดเงื่อนไขการแปลงสภาพ 1 วอแรนต์ ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคาแปลงสภาพ 40 บาท ภายในระยะเวลา 2 ปีนับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งหากผู้ถือหุ้นใช้สิทธิแปลงสภาพที่ราคา 40 บาท/หน่วย ภายในกำหนด 2 ปี จะส่งผลให้บริษัทได้รับเงินทุนก้อนใหม่จำนวนมากเพื่อนำมาใช้ขยายธุรกิจในประเทศไทยและดำเนินธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ใน สปป.ลาวรวมถึงภูมิภาคอาเซียน

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังมีมติอนุมัติการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวนไม่เกิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้แก่กลุ่มพันธมิตรญี่ปุ่น JTA โดยกำหนดราคาแปลงสภาพ 1 หุ้นกู้ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคา 40 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 5% ซึ่งหากผู้ถือหุ้นและกลุ่ม J Trust Asia ใช้สิทธิแปลงสภาพทั้งหมด จะส่งผลให้ GL มีแหล่งเงินทุนใหม่เพิ่มขึ้นในทันทีเพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจในกัมพูชาให้มีพอร์ตสินเชื่อที่หลากหลายและปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่ม SMEs ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่จัดจำหน่ายสินค้าประเภทต่างๆ ให้แก่ลูกค้าที่ GL เป็นผู้ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ