ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,437.42 จุด เพิ่มขึ้น 13.11 จุด (+0.92%) มูลค่าการซื้อขาย 48,279.27 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,437.82 จุด และดัชนีทำระดับต่ำสุดของวันที่ 1,424.23 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 756 หลักทรัพย์ ลดลง 403 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 334 หลักทรัพย์
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ดีเกิน หลังประเทศหลักต่าง ๆ เริ่มออกมาให้ความมั่นใจว่าจะมีมาตรการรองกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เกี่ยวกับกรณี Brexit ที่อังกฤษลงประชามติออกจากการเป็นสมาชิกในสหภาพยุโรป (อียู) แต่อย่างไรก็ตามมองว่าเป็นผลแค่จิตวิทยาการลงทุนเท่านั้น ขณะที่ระยะกลางและระยะยาวยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะเกิดผลอย่างไรบ้างต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังได้รับผลดีจากการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี (Window Dressing) โดยเฉพาะในหุ้นขนาดใหญ่ และกลุ่มที่ราคาปรับตัวลดลงไปมาก ทั้งกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มพลังงาน
"ดัชนีกลับมาขึ้นมาได้ค่อนข้างแรงจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่กลับมา แต่อย่างไรก็ตามยังต้องระวังในระยะกลางและ ระยะยาว โดยเฉพาะหากดัชนีขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,450 จุด เพราะปัจจุบันเรายังไม่เห็นผลที่เกิดขึ้นจริงกับการที่อังกฤษออกจาก สหภาพยุโรป"นายธนเดช กล่าว
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (29 มิ.ย.) นายธนเดช กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก และแดนลบ และควรระมัดระวังเรื่องของแรงขายทำกำไรที่จะเกิดขึ้น และยังต้องติดตามผลประกอบการไตรมาส 2/59 ของบริษัทจด ทะเบียน และมาตรการแก้ไขผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากกรณี Brexit
พร้อมให้แนวต้าน 1,450 จุด แนวรับ 1,425 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,729.37 ล้านบาท ปิดที่ 156.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,889.79 ล้านบาท ปิดที่ 136.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
BJC มูลค่าการซื้อขาย 1,590.65 ล้านบาท ปิดที่ 45.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,574.40 ล้านบาท ปิดที่ 312.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,366.92 ล้านบาท ปิดที่ 81.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท