บมจ.ซีพีแลนด์ บริษัทในกลุ่มซีพี เปิดตัวโรงแรมราคาประหยัด (Budget Hotel) ภายใต้แบรนด์"Fortune D"ตอบโจทย์นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ เริ่มเปิดแห่งแรกที่แม่สอด ในส.ค.นี้ ขนาด 79 ห้อง และอีก 3 แห่งในปี 60 ขณะที่เล็งเจรจาร่วมเป็นพันธมิตรกับบมจ.ปตท.(PTT) ร่วมพัฒนาธุรกิจโรงแรมราคาประหยัดในสถานีบริการน้ำมัน ประกาศตั้งงบลงทุนในธุรกิจโรงแรมปีละ 2 พันล้านบาทในช่วง 3 ปีนี้ ส่วนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) เลื่อนไปปี 60 จากแผนเดิมจะเข้าตลาดฯในปีนี้
นางสาวนราวดี วรวณิชชา รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานบริหารโรงแรม และการลงทุน บมจ.ซีพีแลนด์ เปิดเผยว่า บริษัทรุกธุรกิจโรงแรมราคาประหยัด ภายใต้แบรนด์ "Fortune D" เพราะเห็นช่องว่างตลาดในตลาดต่างจังหวัด รองรับนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ ที่มีความต้องการห้องพักในโลเกชั่นดี อยู่ใกล้ใจกลางย่านธุรกิจ แหล่งท่องเที่ยว โดยมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ได้แก่ wifi สมาร์ททีวี
โดยบริษัทได้ลงทุนโรงแรมราคาประหยัดแห่งแรกที่แม่สอด โรงแรม Fortune D แม่สอด เปิดให้บริการ ส.ค. 59 มีจำนวน 79 ห้อง ราคาเริ่มต้น 790 บาท/คืน และแห่งที่ 2 โรงแรม Fortune D Plus เขาใหญ่ เปิดให้บริการพ.ค.60 มีจำนวน 79 ห้อง ราคาเริ่มต้น 1,200-1,400 บาท/คืน เงินลงทุน 2 แห่งรวม 680 ล้านบาท และเท่าที่สำรวจตลาดได้รับการตอบรับดีมาก นอกจากนี้ยังลงทุนต่อเนื่อง โรงแรม Fortune D เลย และ โรงแรม Fortune D บุรีรัมย์ ทั้งสองแห่งจะเปิดให้บริการปี 60 โดยมีขนาดห้อง 79 ห้อง
"เราลงทุนขนาด 79 ห้องเพราะไม่ต้องผ่านขั้นตอน EIA ซึ่งกำหนดไม่ได้ว่าจะผ่านเมื่อไร โดย Budget Hotel ขนาด 79 ห้อง ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 16 เดือน ก็ไม่ช้าไป ...เหตุผลที่มาทำ Budget Hotel เพราะเห็นว่านักท่องเที่ยว นักธุรกิจมีความต้องการโรงแรมที่มีความสะดวก ปลอดภัย มีความยืดหยุ่นการให้บริการ"
นางสาวนราวดี กล่าวว่า บริษัทมีแผนลงทุนโรงแรมไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาทต่อปี ในช่วง 3 ปีนี้ พร้อมตั้งเป้าเปิด Budget Hotel ปีละ 5-6 แห่ง ซึ่งจะมีระยะเวลาคืนทุน 6 ปี ส่วนโรงแรมขนาดใหญ่มีระยะคืนทุนประมาณ 7-8 ปี นอกจากนี้ยังมองหาพื้นที่เพื่อลงทุน Budget Hotel ไว้หลายแห่ง เช่น ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา นครราชสีมา เป็นต้น แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งที่จะเข้าในพื้นที่ภูเก็ต กระบี่ พัทยา ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของไทย ทั้งขึ้นอยู่ว่าจะสามารถหาซื้อที่ดินได้หรือไม่
ปัจจุบัน บริษัทมีโรงแรมระดับ 5 ดาวในแบรนด์"ฟอร์จูน แกรนด์" ได้แก่ โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน ที่กรุงเทพฯ มีขนาดกว่า 400 กว่าห้อง โรงแรมฟอร์จูน แกรนด์ นครศรีธรรมราช มูลค่าลงทุน 1 พันล้านบาท จะเปิดให้บริการอีก 2 ปีข้างหน้า , โรงแรมระดับ 4 ดาว ในแบรนด์ "ฟอร์จูน ริเวอร์วิว" เช่นที่นครพนม และ โรงแรมระดับ 3 ดาวครึ่ง ได้แก่ โรงแรมฟอร์จูนริมโขง ที่เชียงของ จ.เชียงราย รวมแล้วมีประมาณ 1,000 ห้อง และใน 3 ปีข้างหน้าจะมีจำนวนห้องพักเพิ่มอีก 700-800 ห้อง
นางสาวนราวดี กล่าวว่า ซีพีแลนด์สนใจเข้าร่วมทุนทำธุรกิจโรงแรมในสถานีบริการน้ำมันกับ ปตท. โดยรูปแบบการร่วมทุน ก็ขึ้นอยู่กับการเจรจา แต่ก็เห็นว่า โรงแรมในสถานีบริการน้ำมันไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่บริษัทเห็นว่าเป็นช่องว่างตลาด เพราะซีพีแลนด์ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มซีพีมีจุดแข็งที่มีพนักงานเกินกว่า 2 แสนคนที่เดินทางทำงานทั่วประเทศ ปตท.จะได้เครือข่ายธุรกิจของซีพี
ทั้งนี้โครงสร้างรายได้ของซีพีแลนด์ มาจากรายได้จากค่าเช่าจากอาคารธุรกิจ ที่ปัจจุบันมี 3 แห่ง ซีพีทาวเวอร์ ที่สีลม ฟอร์จูนทาวน์ และซีพีทาวเวอร์ ที่พญาไท มีสัดส่วน 70% จากเดิมอยู่ที่ 100% และมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมซึ่งเริ่มเข้ามากว่า 1 ปีแล้ว และรายได้จากการขาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียม มีสัดส่วน 30% และมีแผนจะปรับสัดส่วนให้เท่ากับ 50:50 ภายในปี 61
ส่วนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นางสาวนราวดี กล่าวว่า ซีพีแลนด์เลื่อนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในปี 59 ไปเป็นปี 60 เพราะรองบการเงินเต็มปี 59 โดยมี บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ขณะเดียวกันคาดว่าจะออกกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริทรัพย์ (REIT) ในปี 62 ซึ่งจะนำโรงแรมเข้าไปขายเป็นทรัพย์สิน