นางศุภรานันท์ ตันวิรัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มาสเตอร์ แอด (MACO) เปิดเผยว่า บริษัทฯมั่นใจกำไรสุทธิปีนี้ดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 170.65 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตในทิศทางเดียวกับรายได้ที่บริษัทฯคงเป้าหมายการเติบโตไว้ไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 721.35 ล้านบาท แม้ในช่วงครึ่งปีแรกอุตสาหกรรมโฆษณาจะมีการชะลอตัวลงไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังสามารถเติบโตได้ โดยเฉพาะในส่วนของ Street Furniture หรือทำเลติดตั้งบริเวณเสาตอม่อสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสและสื่อโฆษณาบริเวณเสาใต้สะพานข้ามแยกในเขตกรุงเทพฯ ที่ร่วมเป็นพันธมิตรกับบมจ.วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) ที่เข้ามาช่วยขายสื่อประเภท Street Furniture และ สื่อโฆษณาขนส่งมวลชน (Transit Media) โดยได้ปรับการันตีรายได้ขั้นต่ำให้แก่ MACO เพิ่มขึ้น 5% จึงช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงาน
ขณะที่ มองว่าในช่วงครึ่งปีหลังอุตสาหกรรมโฆษณาจะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยเป็นการปรับตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งสะท้อนจากราคาสินค้าเกษตรที่ฟื้นตัว รวมถึงภาครัฐยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามาช่วย ผลักดันให้เศรษฐกิจมีการเติบโต โดยอุตสาหกรรมโฆษณาโดยส่วนใหญ่จะเติบโตตามเศรษฐกิจ
นางศุภรานันท์ กล่าวต่อว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ราว 500 ล้านบาทเพื่อซื้อกิจการร่วมลงทุน หรือการร่วมพันธมิตรเพื่อขายพื้นที่โฆษณาร่วมกัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจา 3-4 ราย โดยคาดจะเห็นความชัดเจนในปีนี้อย่างน้อย 1 ราย และจะส่งผลให้ป้ายโฆษณาของบริษัทฯ เพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 2,000 ป้าย จากปัจจุบันมีป้ายโฆษณาทั้งหมด 1,084 ป้าย ซึ่งจะครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด จากปัจจุบันมีป้ายโฆษณาครอบคลุมอยู่ 69 จังหวัด และหลังจากได้พันธมิตรมาครบแล้วบริษัทฯ ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาดป้ายโฆษณาเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 40% และเป็นขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ในช่วง 2-3 ปี
นอกจากนี้ ในปี 60 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้จะทะลุ 1,000 ล้านบาท โดยเน้นการเพิ่มพื้นที่ใหม่ๆ และการพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรด้านการขาย บุคลากรด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อการเติบโตที่ดีและยั่งยืน
"ตอนนี้เราเน้นพัฒนาทีมขาย พัฒนาสื่อโฆษณาที่มีเทคโนโลยีมากขึ้น และมองหาพันธมิตรใหม่ๆเข้ามาเพื่อที่จะขายสินค้าเป็นแบบแพคเกจที่มีความน่าสนใจมากขึ้น และลดการแข่งขันด้านราคาลง ซึ่งพื้นที่ป้ายโฆษณาใหม่ๆที่จะเข้ามาส่วนใหญ่จะอยู่ที่ต่างจังหวัด อาจจะทำให้สัดส่วนรายได้ระหว่างต่างจังหวัดกับกรุงเทพฯในระยะเวลาไม่นานต่อจากนี้เปลี่ยนเป็น กรุงเทพฯ 40% และต่างจังหวัด 60% จากปัจจุบันรายได้จากต่างจังหวัดอยู่ที่ 40% และในกรุงเทพฯ 60% ซึ่งจะทำให้บริษัทฯมีการเติบโตที่ดีและมีความยั่งยืน"นางศุภรานันท์ กล่าว