นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนลงทุนสำหรับพัฒนาท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งในช่วง 10 ปี (59-68) วงเงินราว 1.94 แสนล้านบาท
โดยในช่วง 5 ปีแรกจะใช้มากถึง 1.4 แสนล้านบาท ซึ่งจะลงทุนพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะ 2 และพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะ 3 โดยแหล่งเงินทุนนำมาจากกระแสเงินสด 5.5 หมื่นล้านบาท และจากกำไรจากการดำเนินงานที่คาดจะมีเข้ามาปีละ 2.5 หมื่นล้านบาท รวม 5 ปี จะมี 1.25 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ การพัฒนาท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง แบ่งเป็น แผนพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงินลงทุน 117,470 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะ 2 การก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 และการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะดำเนินโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จในปี 64 และจะทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสามารถรองรับผู้โดยสารได้เป็น 90 ล้านคนต่อปี
แผนพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง วงเงินลงทุน 31,870 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะ 2 โดยดำเนินการ 2 ระยะ คือการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารอาคาร 2 ซึ่งดำเนินการเสร็จแล้ว ส่วนระยะ 3 จะมีการดำเนินการก่อสร้างอาคาร Junction Building ซึ่งจะมีทางเชื่อมระหว่างตัวอาคารกับสถานีรถไฟดอนเมือง การปรับปรุงอาคารผู้โดยสารอาคาร 1 ปรับปรุงถนนภายในท่าอากาศยาน การปรับปรุงอาคารเทียบเครื่องบินหมายเลข 6 การขยายลานจอดอากาศยานทำให้มีหลุมจอดอากาศยานเพิ่มขึ้นอีก 12 หลุดจอด และการก่อสร้างอาคารจอดรถและอาคารสำนักงาน คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 65 และจำให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เป็น 40 ล้านคนต่อปี
แผนพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ วงเงินลงทุน 12,780 ล้านบาท ได้แก่ งานก่อสร้าง อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ปรับปรุงอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศและอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ เป็นต้น คาดดำเนินการแล้วเสร็จปี 73 และสามารถรองรับผู้โดยสาร 20 ล้านคนต่อปี
โครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต วงเงิน 12,040 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะแรกดำเนินการเสร็จสิ้นในปี 59 ซึ่งรองรับผู้โดยสารได้เป็น 12.5 ล้านคนต่อปี ส่วนระยะ 2 จะขยายอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ขยายลานจอดอากาศยาน ปรับปรุงถนนภายในท่าอากาศยาน คาดดำเนินการแล้วเสร็จปี 65 และจะสามารถรองรับผู้โดยสารเป็น 18 ล้านคนต่อปี
โครงการพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย วงเงินประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยจะขยายลานจอดอากาศยาน เพิ่มอีก 3 หลุมจอด ปรับเปลี่ยนเส้นทางการขับอากาศยาน การก่อสร้างลานจอดเฮลิคอปเตอร์ คาดดำเนินการแล้วเสร็จในปี 65 จะรองรับผู้โดยสารได้เป็น 3 ล้านคนต่อปี
โครงการพัฒนาท่าอากาศยานหาดใหญ่ วงเงินประมาณ 15,000 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จปี 73 และรองรับผู้โดยสารได้ 10 ล้านคนต่อปี
โดยแผนพัฒนาท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง จะสามารถรองรับผู้โดยสารรวมเพิ่มเป็น 190 ล้านคน จากจำนวน 83.5 ล้านคนในปัจจุบัน
สำหรับผลการดำเนินงานรอบ 8 เดือน ของปี 58/59 (ต.ค.58-พ.ค.59) มีเที่ยวบินให้บริการ 519,157 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10.11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะท่าอากาศยานดอนเมืองและเชียงใหม่ ที่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นในเส้นทางบินระหว่างไทยและจีน ขณะที่ผู้โดยสารมีจำนวน 81,124,861 คน เพิ่มขึ้น 13.43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ภาพรวมยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งเที่ยวบินและผู้โดยสาร โดยเฉพาะปริมาณการจราจรที่มาจากกลุ่มสายการบินต้นทุนต่ำ ที่ทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลและการเมืองที่มีเสถียรภาพยิ่งส่งผลให้มีปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มขึ้น"นายนิตินัย กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 58/59 (สิ้นสุด ก.ย.59) นายนิตินัย คาดว่ากำไรจะทำสถิติสูงสุดอีกปีจากปีที่แล้วมีกำไรสุทธิ 1.87 หมื่นล้านบาท โดยผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังปี 58/59 (เม.ย.-ก.ย.) คาดว่าจะใกล้เคียงครึ่งแรกปี 58/59 (ต.ค. 58-มี.ค.59) และถ้าเทียบช่วงเดียวกันของปึก่อนมีอัตราขยายตัวน่าพอใจ แม้ว่าครึ่งปีหลังอยู่ในช่วงนอกฤดูกาล (Low season) แต่มีจำนวนผู้โดยสารในระดับน่าพอใจ โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีจำนวนผู้โดยสาร 1.3-1.4 แสนคน/ปี ขณะที่ช่วงฤดูกาล (High season) มีจำนวนผู้โดยสาร 1.7 แสนคน โดยในเดือนส.ค.นี้เป็นวันหยุดยาวของจีนคาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารจากจีนเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น
"ปีที่แล้ว ทอท.มีกำไรทำ record ครึ่งปีแรกปีนี้กำไรทำได้ 1 หมื่นล้านบาท เชื่อว่าปีนี้คงทำ record ใหม่" นายนิตินัย กล่าว
ทั้งนี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่คาดว่า งวดปี 58/59 จะมีจำนวนผู้โดยสารเติบโต 12.5%จากปีก่อนที่มีจำนวนผู้โดยสาร 106 ล้านคน โดย 6 เดือนแรกจำนวนผู้โดยสารเติบโต 12.4%
นอกจากนี้ ในส่วนรายได้ที่ไม่ได้มาจากธุรกิจการบิน (Non Aero) ของทอท.คาดว่า จะกระโดดขึ้นมาตามการขยายท่าอากาศยานต่างๆ โดยคาดว่าในปี 63 จะมีสัดส่วนจาก Non Aero เป็น 50% จากปีนี้อยู่ราว 40% เพราะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะ2 จะสร้างแล้วเสร็จปลายปี 62 โดยในปี 63 พื้นที่เชิงพาณิชย์ที่มีสัญญากับคิงเพาเวอร์ในปัจจุบันจะหมดสัญญา จึงคาดว่าจะเปิดประมูลพื้นที่เดิมและพื้นที่ใหม่พร้อมกัน
โดยในงวดปี 59/60 จะมีรายได้ Non Aero เพิ่มขึ้นประมาณ 1.5 พันล้านบาท มาจากพื้นที่เชิงพาณิชย์ท่าอากาศยานดอนเมืองราว 1 พันล้านบาท ซึ่งปีหน้าจะมีปริมาณพื้นที่เชิงพาณิชย์เพิ่มเป็น 3.3 หมื่นตร.ม. จากปัจจุบัน 6 พันตร.ม. และจากท่าอากาศภูเก็ตปริมาณพื้นที่เชิงพาณิชย์เพิ่มเท่าตัว