นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway up เนื่องจากธนาคารกลางชั้นนำของโลกได้ส่งสัญญาณที่จะออกมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการที่อังกฤษจะถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยที่เห็นมีการส่งสัญญาณออกมาทั้งธนาคารกลางยุโรป (ECB),ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ส่งผลให้อาจจะมีเงินทุนไหลเข้า และธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ก็น่าจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วย โดยนโยบายของธนาคารกลางต่างประเทศน่าจะอยู่ในลักษณะทรงตัวหรือผ่อนคลายมากขึ้น
นอกจากนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ภาคการผลิตของสหรัฐฯก็ออกมาดีด้วย ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ค่อนไปทางบวกราว 0.3-0.4% ขณะที่วันนี้ (4 ก.ค.) ตลาดสหรัฐฯจะปิดทำการเนื่องในวันชาติของสหรัฐฯด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,435 จุด ส่วนแนวต้าน 1,450-1,453 จุด โดยแนะนำลงทุนหุ้นที่อิงเศรษฐกิจในประเทศ จำพวก Domestic plays
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 ก.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,949.37 จุด เพิ่มขึ้น 19.38 จุด (+0.11%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,862.57 จุด เพิ่มขึ้น 19.90 จุด (+0.41%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,102.95 จุด เพิ่มขึ้น 4.09 จุด (+0.19%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 128.44 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 8.19 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 173.10 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 9.92 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.12 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.99 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.12 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 มิ.ย.59) 1,444.99 จุด เพิ่มขึ้น 2.33 จุด (+0.16%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 6,911.42 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 ก.ค.59) ปิดที่ 48.99 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 1.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ก.ค.59) ที่ 5.16 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.05 ทิศทางแข็งค่าต่อ รอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯสัปดาห์นี้
- รองผู้ว่าการ (กลยุทธ์และแผน) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4 ระยะทาง 8 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 21,120 ล้านบาท ว่า รฟม.จะดำเนินโครงการแบบเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรัฐ (พีพีพี) โดยให้สัมปทานเอกชนเข้ามาบริหารการเดินรถและลงทุนในระบบรถและอาณัติสัญญาณ ส่วน รฟม.จะลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งขณะนี้ โครงการได้ผ่านจัดทำรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เรียบร้อย และนำเสนอโครงการให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา
- "วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ" รมช.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้มีบริษัทเอกชนให้ความสนใจยื่นซองประกวดราคาในโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐไม่ถึง 10 ราย จากจำนวนผู้ซื้อซองประกวดราคาทั้งสิ้น 16 ราย หลังจากนี้ต้องเข้าสู่ขั้นตอนการคัดเลือกผู้ประกอบการว่าจะมีผู้ผ่านเงื่อนไขหรือไม่
- ผู้อำนวยการสถาบันพลาสติก กระทรวงอุตสาหกรรม เผยภาพรวมของอุตสาหกรรมพลาสติกไทยปีนี้ยังเติบโตได้ 2-3% หรือมีมูลค่า 5.71 แสนล้านบาท โดยการเติบโตมากที่สุดมาจากกลุ่มบรรจุภัณฑ์คิดเป็นสัดส่วน 40% ตามด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ 15% วัสดุก่อสร้าง อาทิ ท่อน้ำประปาและสายไฟฟ้า 15% ยานยนต์ 7-10% เครื่องใช้ในครัวเรือน 5% และเครื่องมือทางการแพทย์ 2-3% เป็นต้น
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้แนวโน้มสินเชื่อแบงก์ครึ่งปีหลังยังขยายตัวได้ในอัตราไม่สูงนัก ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นช้า-หนี้ครัวเรือนที่สูงกดดัน หวังพึ่งสินเชื่อธุรกิจช่วยขับเคลื่อนหลังเม็ดเงินโครงการรัฐออก คาดทั้งปีโตติดกรอบล่างที่ 4% ขณะที่เอ็นพีแอลยังขยับเพิ่ม
- พาณิชย์มั่นใจส่งออกไทยดีขึ้น หลังสหรัฐอัพขึ้น "เทียร์ 2" ตอกย้ำเชื่อมั่นของผู้ซื้อทั่วโลก หวังส่งผลดีต่อการตรวจสอบ IUU จากอียูที่ยังติดใบเหลือง
- จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจ รัฐบาลเปิดอ่าวตะวันออก 3 จังหวัด ยกเครื่องอุตสาหกรรมไทยในรอบ 30 ปี ชงกฎหมายใหม่ 3 ฉบับ รับนักลงทุนไฮเทค ลดภาษีนักวิจัยหัวกะทิเหลือ 10% นักธุรกิจ ไทย-เทศแห่ซื้อที่ดิน ขยายกิจการดักหน้าลงทุนรับโชติช่วงชัชวาลรอบใหม่ "เจ้าสัวธนินท์" ชิงไฮสปีดเทรนกรุงเทพ-ระยอง ซีพีแลนด์ซุ่มซื้อที่ดินทำโรงแรมเพิ่ม "เสี่ยบุณยสิทธิ์" สหพัฒน์ ชี้รัฐบาลมาถูกทางสยายปีกลงทุนเพิ่ม
*หุ้นเด่นวันนี้
- ALT (บมจ.เอแอลที เทเลคอม)เทรดวันนี้วันแรก ใน SET กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยราคา IPO 4.70 บาท/หุ้น ด้านบล.ทรีนีตี้ ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 6.14 บาท/หุ้น
บมจ.เอแอลที เทเลคอม ประกอบธุรกิจโทรคมนาคมแบบครบวงจร แบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจให้บริการสร้างสถานีฐาน ติดตั้ง และซ่อมแซมอุปกรณ์โทรคมนาคม , ธุรกิจจำหน่ายสินค้าในกลุ่มโทรคมนาคม ได้แก่ สายเคเบิลใยแก้วนำแสง, ตู้โทรคมนาคม, สถานีโทรคมนาคมเคลื่อนที่, สายอากาศ และอุปกรณ์โทรคมนาคมอื่น ๆ และธุรกิจให้เช่าโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม
- CK (โกลเบล็ก) "ซื้อ"เป้า 32 บาท คาดไตรมาส 2 รายได้อาจไม่สูงที่สุดในปีนี้เพราะบริษัทไม่สามารถเซ็นสัญญาก่อสร้างส่วนเพิ่มจากเขื่อนไซยะบุรีได้ทัน แต่ไตรมาส 2 คาดว่าจะรับรู้ปันผลจาก TTW ราว 230 ล้านบาทช่วยหนุนกำไรให้ดีกว่าในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา โดยยังประมาณการกำไรปี 59 ที่ 2,421 ล้านบาทเติบโต 10% เพราะคาดว่า CK จะเซ็นสัญญาก่อสร้างส่วนเพิ่มเขื่อนไซยะบุรีอีก 1.9 หมื่นล้านบาทได้ภายในปีนี้ นอกจากนี้มีปัจจัยบวกจากงานประมูลภาครัฐ CK ร่วมมือกับ BEM พร้อมประมูลงานภาครัฐในการก่อสร้างโครงการต่างๆ อีก 4 โครงการรวม 1.8 แสนล้านบาทซึ่งจะเปิดประมูลภายในปลายปีนี้ และพร้อมประมูลโครงการรถไฟฟ้าในรูปแบบ PPP fast Track สายสีชมพูและเหลืองอีก 5.8 หมื่นล้านบาทซึ่งจะเปิดประมูลเดือน พ.ย. นี้
- AOT (เออีซี) "ซื้อเมื่ออ่อนตัว"เป้า 420 บาท ปี 59-60 คาดกำไรปกติโตปีละ 13.6% ด้วยแรงหนุนการเปิด AEC, การเติบโตของตัวเลขสถิติการบิน และต้นทุนน้ำมันทรงตัวระดับต่ำ แต่ด้วยมี Upside เหลือ 8%