นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บมจ.โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะเร่งขยายสาขาร้านอาหารเพื่อผลักดันรายได้จากธุรกิจอาหารเติบโตสู่ระดับหมื่นล้านบาทภายในปี 63 ภายใต้จำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นเป็น 400 สาขา
ขณะที่ในปีนี้บริษัทคาดว่ารายได้จากกลุ่มธุรกิจอาหารจะอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท จากปีก่อน 6,096 ล้านบาท ตามการขยายตัวของสาขาร้านอาหารทั้งแบรนด์ Shabushi, NIKUYA, OISHI Buffet ,OISHI ramen,OISHI Grand และ Kakashi ซึ่งบริษัทวางงบลงทุนราว 600 ล้านบาทเพื่อขยายสาขาเพิ่มอีกไม่เกิน 20 สาขา ซึ่งทำให้จำนวนสาขาในสิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 250 สาขา โดยช่วงที่ผ่านมาได้ขยายสาขาไปบ้างแล้ว 13 สาขา
พร้อมกันนั้น บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ร้านอาหารใหม่ทั้งหมด โดยล่าสุดร้าน Shabushi ชูแคมเปญ "Shabushi and So Much More ชาบู ซูชิ และอีกมากมายล้นสายพาน" ที่จะมีอาหารที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ตลาดร้านชาบู-ชาบู สุกี้หม้อไฟ และซูชิ คาดว่าจะส่งผลให้รายได้เติบโตราว 15% จากการจัดแคมเปญดังกล่าว
ขณะเดียวกันก็จะมีการเปิดตัวแคมเปญของร้านอาหารญี่ปุ่นอื่นๆ ในเครือออกมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยวางงบลงทุนด้านการตลาดปีนี้ราว 300-400 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นยอดขายและตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ให้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น คาดว่าจากการปรับกลยุทธ์ต่าง ๆ จะช่วยให้ธุรกิจอาหารน่าจะมีรายได้เติบโตปีละ 1,000 ล้านบาท
"เรามีการปรับในเรื่องของเมนูอาหารเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคมีความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น และร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยก็มีการขยายตัวมากขึ้น ทำให้เราก็ต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับธุรกิจ และเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งก็จะมีการทยอยเปิดตัวแคมเปญในทุกๆแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่เราก็จะมีทั้งการปรับขึ้นของราคา เช่น Shabushi เราก็ปรับราคาขึ้นอีก 40 บาท จาก 359 บาท รวมถึงก็จะมีการปรับลดราคาในแบรนด์อื่นอีกด้วย"นายไพศาล กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นใน สปป.ลาว และกัมพูชา เพื่อมองหาโอกาสขยายสาขาร้าน Shabushi ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีอยู่ที่พม่าแล้วจำนวน 3 สาขา และมีสัดส่วนรายได้ราว 2% ของรายได้รวม โดยปีนี้คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในประเทศลาวก่อน 1-2 สาขา
พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีแผนเข้าซื้อกิจการแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดธุรกิจอาหารให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าจะเห็นความชัดเจนเมื่อใด