นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้คาดว่าดัชนี (SET Index) จะแกว่งตัวในกรอบ 1,440-1,475 จุด โดยมี Sentiment เชิงบวกจากการ Preview งบไตรมาส 2/59 กลุ่มธนาคารที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน รวมถึงการคลายความกังวลกรณีที่อังกฤษทำประชามติออกจากสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากธนาคารกลางประเทศใหญ่เตรียมมาตรการรองรับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากหนี้เสีย (NPL) ภาคธนาคารอิตาลีที่พุ่งขึ้นแรง เป็นตัวถ่วงต่อภาวะการลงทุน
ทั้งนี้ แนะนำซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy ได้แก่ กลุ่มธนาคารและพลังงาน เนื่องจากคาดว่ากำไรในไตรมาส 2/59 จะเตอบโตขึ้น เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และถ่านหินทำ High ในรอบ 1 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 57 ดอลลาร์ต่อตัน ได้แก่ BANPU และสะสมหุ้นกลุ่มปันผลครึ่งปีเด่น ได้แก่ INTUCH , ADVANC , KKP , TCAP , SCC , QH, LH , PS และ LPN
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ต่อไป ขณะที่นักลงทุนเริ่มคลายความกังวล Brexit หลังจากธนาคารกลางในประเทศใหญ่ อาทิ สหรัฐฯ ยูโรโซน ญี่ปุ่น อังกฤษ เตรียมออกมาตรการรับมือผลกระทบ ประกอบกับ Preview ไตรมาส 2/59 กลุ่มธนาคารคาดการณ์กำไรเติบโตขึ้นจากไตรมาส 1/59 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) เริ่มทรงตัว
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบจากการที่ภาคธนาคารของอิตาลีได้รับผลกระทบจาก NPL ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 3.60 แสนล้านยูโร คิดเป็น 18.1% และมาณ 2.10 แสนล้านยูโรในจำนวนดังกล่าวนั้นเป็นเงินกู้ที่ปล่อยโดยธนาคารที่ใกล้ล้มละลาย ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาระบุว่าการที่อังกฤษออกจากสหภาพยุโรปนั้น จะส่งผลกระทบต่อ GDP ของอังกฤษที่จะหายไปราว 1.5%-4.5% ภายในปี 2019 อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาการ Preview งบการเงินประจำไตรมาส 2/59 ขณะที่ สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือน มิ.ย. และในวันที่ 7 ก.ค.คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะเปิดเผยรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 14-15 มิ.ย.
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำ ปรับตัวขึ้นรอบใหม่หลังจากพักฐานช่วงสั้นๆโดยได้แรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจากความกังวลประเด็น Brexit ผ่อนคลายลงหลังธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษพร้อมอัดฉีดสภาพคล่องและออกมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบส่งผลให้ค่าเงินยูโรและค่าเงินปอนด์เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น ป
ระกอบกับนักลงทุนลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งเท่านั้นในปีนี้ และคาดว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกไปจนถึงปี 2561 เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณชะลอตัว แต่โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยนั้นมีน้อยมาก
ด้านนายเจอร์ก ไคเนอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของสวิส เอเชีย แคปิตอล เผยว่าราคาทองอาจพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วง 18 เดือนข้างหน้าท่ามกลางภาวะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำถึงขั้นติดลบรวมถึงแรงหนุนจากผลของ Brexit ขณะที่การปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มชะลอตัวลงส่งผลให้นักลงทุนหันกลับเข้ามาลงทุนในทองคำกันอีกครั้ง
ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาพักตัวเข้าหาเส้น 5 วันไม่ลงมาต่ำกว่า ก่อนฟื้นตัวขึ้นรอบใหม่ในแนวรูปแบบ Bullish Flag บวกกับแรงหนุนแนวรับสัญญาณ Golden Cross ทำให้ราคามีแนวโน้มปรับขึ้นต่อตามแนวขึ้นเดิมก่อนหน้า ส่งผลให้แนวโน้มราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นต่อ โดยมีแนวรับ 1,305-1,310 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,390-1,395 เหรียญต่อทรอยออนซ์