TLUXE เล็งขยายธุรกิจพลังงานเพิ่มเป็น 30 โครงการภายใน มี.ค.60 ดันสัดส่วนรายได้เป็น 15% ในปี 61

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 6, 2016 14:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติพัฒน์ ชลวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (TLUXE) กล่าวว่า บริษัทวางแผนการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าในระยะ 3-5 ปี (ปี 59-63) จะขยายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนใต้พิภพ (GEOTHERMAL) ถึง 30 โครงการ (เทียบเท่า 30 เมกะวัตต์ ในพลังงานแสงอาทิตย์) คาดว่าจะสร้างรายได้เกิน 300 ล้านบาท/ปี โดยคาดว่าจะดำเนินการให้ครบทั้ง 30 โครงการในเดือนมี.ค.60 ซึ่งจะผลักดันสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานเพิ่มเป็น 15% ภายในปี 61 หลังโรงไฟฟ้าเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ครบทั้งหมด จากปีนี้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจไฟฟ้ามีเพียง 2-3%

ล่าสุด คณะกรรมการบริษัท อนุมัติให้ลงทุนในโครงการไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศญี่ปุ่น โดยการซื้อบริษัท ซูโม่ พาวเวอร์ ที่มีสัญญาซื้อขายโครงการไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ 8 โครงการ กับบริษัท เซโตอูจิ เนเชอรัล เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ขนาดกำลังการผลิตรวม 1,000 กิโลวัตต์ มูลค่ารวมของทั้งโครงการประมาณ 798 ล้านบาท หรือประมาณ 2,396 ล้านเยน คาดว่าจะสามารถเริ่มจำหน่ายโรงไฟฟ้าได้ประมาณเดือน เม.ย.60 เป็นต้นไป

สำหรับเงินลงทุนจะมาจากเงินกู้สถาบันการเงินในไทยและญี่ปุ่น เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ออกหุ้นกู้ไปแล้วมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท อายุ 2 ปี และคาดว่าในเดือนก.ค.-ส.ค.นี้ บริษัทจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่อีกไม่เกิน 600 ล้านบาท อายุ 2 ปี เพื่อใช้ในการลงทุนซื้อธุรกิจพลังงานในญี่ปุ่น

ส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนใต้พื้นพิภพ 4 โครงการในญี่ปุ่น ของ บริษัท พีพีเอสเอ็น จำกัด ที่บริษัทได้เข้าซื้อมานั้น มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 500 กิโลวัตต์ (125 กิโลวัตต์ เทียบเท่า 1 เมกะวัตต์ในพลังงานแสงอาทิตย์) โดยเฟสแรก 2 โครงการ ขนาดกำลังผลิต 250 กิโลวัตต์ ได้เดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์แล้ว ส่วนอีก 2 โครงการ คาดว่ายังคงเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ วางแผงติดตั้งภายในเดือน ก.ค.59 และคาดว่าจะ COD ในเดือนก.ย.59

"TLUXE เป็นผู้ประกอบการไทยรายแรกที่ลงทุนในธุรกิจพลังงานประเภทพลังงานจากใต้พื้นพิภพ เราคาดว่าจะต่อยอดในธุรกิจ สร้างรายได้อย่างมั่นคงและสม่ำเสมอ ประเมินรายได้ปีละ 50 ล้านบาท และเงินลงทุน 400 ล้านบาท เรามีเพียงพอและพร้อมสำหรับการลงทุนครั้งนี้ ทั้งนี้หากบริษัทสามารถรับรู้รายได้เชิงพาณิชย์ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะขยาย GEOTHERMAL ถึง 30 โครงการ คาดว่าจะสร้างรายได้เกิน 300 ล้านบาทต่อปี"นายกิติพัฒน์ กล่าว

นายกิติพัฒน์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานตั้งแต่ไตรมาส 2/59 คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาส 1/59 อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจการเกษตร แนวโน้มยอดขายธุรกิจอาหารสัตว์ อย่างเช่น อาหารกุ้งและอาหารปลาจะเริ่มมีการเติบโตขึ้น หลังจากในช่วงที่ผ่านมาผู้เลี้ยงสัตว์น้ำประสบปัญหาภัยแล้ง แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ไปที่เข้าสู่ช่วงหน้าฝนผู้เลี้ยงสัตว์น้ำจะกลับมา เลี้ยงสัตว์ตามปกติ ประกอบกับในช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มมีรายได้จากธุรกิจพลังงานเข้ามา ซึ่งทำให้ผลการดำเนินงานทั้งรายได้ กำไร ในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งแรกของปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ