นายแดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มการพัฒนาที่ยั่งยืน บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) กล่าวว่า บริษัทเผยแพร่รายงานเพื่อความยั่งยืนประจำปี (Sustainability Report) ที่รายงานครอบคลุมการดำเนินงานของบริษัทในเครือทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันไทยยูเนี่ยนมีการดำเนินธุรกิจใน 10 ประเทศซึ่งครอบคลุมถึง 4 ทวีป
สำหรับรายงานเพื่อความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน ฉบับประจำปี 2558 ได้รายงานรายละเอียดความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินงานทั่วโลกของบริษัทเพื่อแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนและแรงงาน รวมถึงเป้าหมายด้านการจัดหาวัตถุดิบอย่างรับผิดชอบและการดูแลสิ่งแวดล้อม
"ความโปร่งใสเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมในวงกว้าง เพื่อให้เห็นถึงแนวทางการทำงานที่เราเดินหน้าแก้ไขปัญหาทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากล"นายแดเรี่ยน กล่าว
ทั้งนี้ ไทยยูเนี่ยน ตระหนักถึงความท้าทายที่อุตสาหกรรมกำลังเผชิญอยู่และกำลังดำเนินการเพื่อจัดการกับความเสี่ยงที่อาจเป็นไปได้ ยกตัวอย่างเช่น จากการวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทานของกุ้ง พบว่ามีความเสี่ยงในการว่าจ้างของสถานประกอบการแปรรูปสัตว์น้ำเบื้องต้นอิสระ หรือ ล้ง ดังนั้น ในปี 58 ไทยยูเนี่ยนได้เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่ได้นำกระบวนการแปรรูปสัตว์น้ำเบื้องต้นจากภายนอก ให้มาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของบริษัท เพื่อประโยชน์ในการควบคุมมาตรฐานในห่วงโซ่อุปทานได้อย่างทั่วถึง รวมถึงการปกป้องและดูแลสิทธิด้านแรงงานให้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนได้มีการรับพนักงานข้ามชาติกว่า 1,200 คนที่ทำงานกับสถานประกอบการแปรรูปสัตว์น้ำที่บริษัทยกเลิกการว่าจ้างเข้ามาทำงานกับบริษัทโดยตรง อีกทั้งมีการดูแลการว่าจ้างอย่างถูกกฎหมายและมีสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยแก่พนักงานเหล่านี้
หลังการประกาศดังกล่าว สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทยได้ประกาศให้สมาชิกของสมาคมยกเลิกการใช้สถานประกอบการภายนอกที่ทำธุรกิจแปรรูปสัตว์น้ำเบื้องต้นหรือล้งเช่นกัน แดเรี่ยน กล่าวเสริมว่า “จุดมุ่งหมายของไทยยูเนี่ยนคือ การเป็นผู้นำในการปฏิบัติที่เป็นเลิศเพื่อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมอย่างแท้จริง
รายงานเพื่อความยั่งยืนฉบับปี 2558 ยังได้รับการรับรองเป็นการเปิดเผยข้อมูลเป็นไปตามหลักเกณฑ์ในแบบหลัก (G4 Core Content Index) จาก Global Reporting Initiative (GRI) ซึ่งเป็นองค์กรมาตรฐานสากลอิสระ ซึ่งถือเป็นการยกระดับของรายงานฉบับนี้ จากที่ได้รับการรับรองในระดับ Materiality Disclosure ในรายงานเพื่อความยั่งยืนฉบับปี 2557