นายฮุย เวง ชอง หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านปฏิบัติการ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือเอไอเอส กล่าวว่า ปัจจุบัน เทคโนโลยี Cloud Computing เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญต่อองค์กร บริษัททั้งขนาดใหญ่และ SME และหน่วยงานรัฐ เพราะเป็นจุดศูนย์กลางหลักขององค์กรในการรองรับเทคโนโลยีล่าสุดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้องค์กรมีเครื่องมือทันสมัย เพื่อใช้ในการทำงานทุกฟังก์ชั่นอยู่เสมอ ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด เพิ่มศักยภาพในการทำงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ช่วยลดค่าใช้จ่าย เพราะไม่ต้องลงทุนระบบหลังบ้านด้วยตัวเอง
เอไอเอสจึงพร้อมเปิดให้บริการ“คลาวด์เพื่อธุรกิจ (AIS Business Cloud)" อย่างเต็มรูปแบบ โดยผนึกกำลังพันธมิตรระดับโลก ได้แก่ Microsoft, VMware NSX, NetApp, Check Point ร่วมเปิดให้บริการด้วยมาตรฐานระดับเวิล์ดคลาส ตอบสนองการดำเนินธุรกิจของลูกค้าองค์กรทุกขนาด รองรับการเติบโต และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับทุกอุตสาหกรรม พร้อมเป็นรากฐานสำคัญ นำพาทุกธุรกิจสู่การเปลี่ยนผ่านแห่งยุค Digital Transformation หนุนประเทศไทยก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 อย่างเต็มที่
สำหรับบริการ AIS Business Cloud ประกอบด้วย
1.Enterprise Cloud power by VMware ในลักษณะ Infrastructure as a Service (IaaS) โดยเอไอเอสเป็นผู้ให้บริการรายแรกในประเทศไทย ที่ลงทุนใช้ VMware NSX ซึ่งเป็น Cloud Network & Security Platform จากผู้นำระดับโลกอย่าง VMware มาให้บริการกับลูกค้าองค์กร ซึ่งให้บริการเช่าใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เสมือน (Virtual Machine) ที่รวมตั้งแต่ CPU, RAM, Storage และ Firewall พร้อมทั้งสามารถเลือกบริการเสริมต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย
2.Integrated Backup as a Service โดยความร่วมมือกับ NetApp เป็นบริการสำรองข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัย เพราะมีการวิเคราะห์บีบอัดข้อมูลเพื่อประหยัดพื้นที่ใช้งาน และมีการเข้ารหัสในระหว่างการรับส่งและจัดเก็บอีกด้วย
3.Software as a Service (SaaS) อาทิ บริการ Office 365 โดยความร่วมมือกับ ไมโครซอฟท์ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงเครื่องมือ Microsoft Office ได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านหลากหลายอุปกรณ์, บริการ Mobile Threat Prevention ร่วมกับ Check Point ที่ช่วยป้องกันภัยคุกคามจากการใช้งานแอปพลิเคชั่นผ่านโทรศัพท์มือถือต่างๆ, บริการ WeCloud เป็นบริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบน Cloud สำหรับองค์กรโดยเฉพาะ
4.Cloud Managed Services สำหรับองค์กรที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเพื่อให้คำปรึกษา ทั้งด้านการดูแลรักษาระบบเครือข่าย, การดูแลรักษาด้านความปลอดภัยของระบบ และอื่นๆ รวมถึงการให้บริการติดตั้งระบบ หรือย้ายระบบ ให้องค์กรที่ยังไม่มีไอทีผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ Cloud พร้อมทั้งมีบริการ IT Monitoring คอยดูแล ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
"ด้วยขีดความสามารถของบุคลากรที่ได้พัฒนาความรู้และความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีดิจิทัล ผสมผสานเข้ากับหัวใจบริการ และทัศนคติที่มุ่งช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ตลอดจนความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่บริหารงานอย่างมืออาชีพมาโดยตลอด ผมขอยืนยันและให้ความมั่นใจกับท่านลูกค้าองค์กรทุกกลุ่ม ทุกขนาด ว่า ท่านจะได้รับบริการที่มีคุณภาพสูงสุด เป็นเลิศ และแตกต่างอย่างแน่นอน เราพร้อมอยู่เคียงข้าง สร้างโอกาสใหม่ๆ จากเทคโนโลยีดิจิทัล และเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน" นายฮุย เวง ชองกล่าว
นายวีรชัย พัชโรภาสวงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาดและการขาย กลุ่มลูกค้าองค์กร ของเอไอเอส เปิดเผยว่า การเปิดตัวบริการ AIS Business Cloud คาดว่าจะสร้างรายได้ให้กว่า 600 ล้านบาทในปีนี้ และมีเป้าหมายจะมีส่วนแบ่งการตลาด 30% ของตลาดรวมภายใน 2 ปี ขณะที่มูลค่าตลาดรวมของการให้บริการดังกล่าวในปีนี้อยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท และคาดเติบโตต่อเนื่องปีละ 20% โดยคาดปี 63 จะมีมูลค่าตลาดรวมเพิ่มเป็น 6.5 พันล้านบาท
"เรามีเป้าหมาย take market share 30% ใน 2 ปีนี้ จากปัจจุบันที่มีผู้เล่นรายใหญ่อยู่ 4-5 ราย ได้แก่ INET , CSL, TRUE , CAT ซึ่งแต่ละรายมีส่วนแบ่งตลาดราว 20% แต่เอไอเอสเป็นผู้บริการรายเดียวที่มีเครือข่ายทั้งมือถือ เครือข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง โครงข่ายเชื่อมต่อในต่างประเทศ และมีดาต้า เซ็นเตอร์ มีบริการครบ one stop services" นายวีรชัย กล่าว
ด้านนายนวชัย เกียรติก่อเกื้อ หัวหน้าฝ่ายการตลาด กลุ่มลูกค้าองค์กร ของเอไอเอส กล่าวว่า การให้บริการดังกล่าวจะมุ่งกลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ ธุรกิจเอสเอ็มอี หรือองค์กรเล็ก ๆ โดยจ่ายค่าบริการเริ่มต้นกว่า 2,000 บาท/เดือน
ปัจจุบัน ADVANC ได้สร้าง Data Center แล้ว 6 แห่ง รวมมูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาท ที่จะรองรับการใช้งานในใน 5 ปีนี้ โดยดาต้าเซ็นเตอร์ที่เปิดใช้งานได้แก่ 1. Tellalus ตั้งอยู่จ.ปทุมธานีบนพื้นที่ 30 ไร่มีพื้นที่ใช้สอยเกือบ 8 พันตร.ม. 2. Sila ตั้งอยู่ที่บางปะกง บนพื้นที่ 25 ไร่ พื้นที่ใช้สอยกว่า 1 หมื่นตร.ม. 3. สุวรรณภูมิ บนถนนบางนา-ตราดใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะที่เตรียมเปิดให้บริการอีก 3 แห่ง ในจ.ขอนแก่น ,เชียงใหม่ และหาดใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในอึก 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งถือว่าครอบคลุมทุกภูมิภาค และยังได้เตรียมพื้นที่สร้างดาต้า เซ็นเตอร์ในต่างจังหวัดเพิ่มอีกหากมีความต้องการเพิ่ม