นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอพเพิล เวลธ์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือนกรกฎาคมยังคงได้รับปัจจัยบวกจากสภาพคล่องในระบบและค่าเงินตลาดเกิดใหม่ที่แนวโน้มแข็งค่าขึ้น ประกอบกับความผันผวนของตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐเริ่มลดลง ขณะที่มอง Upside ของดัชนี SET อยู่ระดับ 1,480 จุด (Forward P/E ที่ 16X) และแนวรับที่ระดับ 1,390 จุด ( Forward P/E 15x)
อย่างไรก็ตาม ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนที่จะมีการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 สิงหาคม นี้ ซึ่งอาจจะมีแรงขายกำไรปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยง
"ในเดือนกรกฎาคมนี้จะมีการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ , ECB , FOMC และ BOJ ซึ่งทิศทางนโยบายการเงินยังคงเป็นลักษณะผ่อนปรน โดยธนาคารกลางอังกฤษเตรียมปรับลดภาระสำรองธนาคารพาณิชย์ ส่วน ECB เตรียมผ่อนปรนเกณฑ์ในการซื้อพันธบัตรประเทศอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐมีโอกาสปรับขึ้นภายในปีนี้เพียง 10%"นายอภิชัย กล่าว
นายอภิชัย กล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/59 ของบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/59 โดยผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ยังมีการเติบโตเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่วนกลุ่มพลังงานคาดยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นและมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน ขณะที่กลุ่มสื่อสารยังชะลอตัวจากผลประกอบกลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์ได้รับผลกระทบจากค่าไลเซ่นส์ และการแข่งขันในการให้บริการ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ"ซื้อ"กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ITD, CK , STEC , UNIQ , NWR , SEAFCO คาดได้รับแรงหนุนจากการเริ่มประมูลโครงการลงทุนภาครัฐ โดยวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกเริ่มออก TOR ส่วนรถไฟฟ้าสายสีชมพู–เหลืองจะขายซองประมูลระหว่างวันที่ 6 กรกฎาคม–5 สิงหาคม โดยยังมีในส่วนของงานประมูลรถไฟทางคู่สายประจวบฯ–ชุมพร และสายมาบกะเบา–ชุมทางถนนจิระ
พร้อมทั้งแนะ"ซื้อ" ILINK , ARROW มีปัจจัยหนุนจากงานโครงการนำสายไฟฟ้าลงดิน , งานก่อสร้างสุวรรณภูมิเฟส 2 และ"ซื้อ" CPF , TU จากปัจจัยบวกสหรัฐปรับสถานะไทยสู่ระดับ Tier 2 watch list ส่งผลบวกต่อส่งออกประมงไทย รวมถึงทยอยซื้อ KBANK ที่ 145 -157 บาท และ SCB ที่ 113 -123 บาท โดย ณ ระดับ P/BV 1.20 – 1.30 เท่า น่าจะสามารถรับรองปัจจัยลบการลดค่าธรรมเนียมและสเปรดดอกเบี้ยที่แคบลง