นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. กล่าวว่า ขณะนี้ ทอท.มีแผนลงทุนสำหรับพัฒนาท่าอากาศยาน 6 แห่งภายใต้การบริหารของ ทอท.ระยะ 5-10 ปีข้างหน้าในวงเงินประมาณราว 1.94 แสนล้านบาท และเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 181 ล้านคนต่อปี
ทั้งนี้ ทอท.มองว่าใน 3 ปีข้างหน้าอุตสาหกรรมท่าอากาศยานทั่วโลกจะมีการเติบโตของรายได้ประมาณ 157.2 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นรายได้จากการการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์มากกว่ารายได้ที่เกี่ยวข้องกับกิจการการบินมากขึ้น เช่น การพัฒนาพื้นที่รองรับธุรกิจที่เสริมสร้างความสะดวกสบายของผู้โดยสารเป็นเมืองใหม่เกิดขึ้นมา มีร้านค้า ภัตตาคาร กิจกรรมสันทนาการและที่พัก เป็นต้น เพื่อตอบสนองความต้องการของการเดินทางที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา โครงข่ายท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ ทอท.มีการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 14% โดยในปี 58 ที่ผ่านมา ทอท.ได้ให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรวมทั้งสิ้นกว่า 110 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันท่าอากาศยานของ ทอท.ทั้ง 6 แห่งมีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้ 83.5 ล้านคน
ปัจจุบัน ทอท.อยู่ระหว่างการดำเนินการขยายขีดความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 90 ล้านคนต่อปีภายในปี 62 ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองมีการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารสูงกว่า 40% และจำนวนเที่ยวบินกว่า 30% ในปีที่ผ่านมา ทำให้ก้าวขึ้นมาเป็นท่าอากาศยานที่รองรับสายการบินต้นทุนต่ำอันดับ 1 ของโลก เมื่อเดือน ก.พ.58 โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 จะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจากปัจจุบัน 30 ล้านคน เป็น 40 ล้านคนต่อปี
สำหรับท่าอากาศยานในภูมิภาคก็อยู่ระหว่างการพัฒนาและขยายขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าในปี 78 หรืออีก 20 ปีข้างหน้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศ จะมีจำนวนผู้โดยสารมากถึง 120 ล้านคนต่อปี และจำนวนเที่ยวบินเกือบ 600,000 เที่ยวบินต่อปี
ส่วนการพัฒนาสุวรรณภูมิเฟส 2 กรอบลงทุน 6.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีการปรับลดงบลงได้กว่า 7,000 ล้านบาทนั้น ได้เปิดประมูลแล้ว 2 งานคือ จ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น B2 ชั้น B1 และชั้น G) ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (งานโครงสร้างและงานระบบหลัก) วงเงิน 14,000 ล้านบาท และงานจ้างงานจ้างก่อสร้างระบบสาธารณูปโภควงเงินประมาณ 1,900 ล้านบาท
ในเดือน ก.ค.นี้จะเปิดประมูล งานจ้างที่ปรึกษาควบคุมงาน (CSC) วงเงิน 800 ล้านบาท และในเดือนส.ค.จะเปิดประมูล สัญญางานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) ซึ่งกรมบัญชีกลางเห็นชอบหลักเกณฑ์การคิดราคากลางแล้ว โดยจะเร่งประมูลอีก 3 สัญญา ที่เหลือให้เสร็จในเดือน ธ.ค.59 นี้ซึ่งเร็วกว่าแผนงานที่จะประมูลครบสิ้นเดือน ม.ค.60