โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) หลังมองอัตราการเติบโตของกำไรปีนี้จะดีที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรม แม้ไตรมาส 1/59 ทำกำไรเพียง 148.68 ล้านบาท แต่เชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้นและดีที่สุดในไตรมาสสุดท้ายของปี ตามการฟื้นตัวของโครงการร่วมทุนกลุ่ม Mitsui Fudosan ของญี่ปุ่น ซึ่งจะมีการโอนโครงการ Ideo Q จุฬาฯ-สามย่านเข้ามามาก ช่วยผลักดันผลประกอบการให้เติบโตต่อเนื่องในปีหน้าด้วย นอกเหนือจากการตุนยอดขายรอโอน (Backlog) สูง รวมถึงจะมีการเปิดคอนโดมิเนียมใหม่เพิ่มเติมด้วย
ANAN นับว่าประสบความสำเร็จในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ตอบรับกับ"ชีวิตคนเมือง"สามารถสร้างแบรนด์ได้อย่างแข็งแกร่ง และมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าที่กำลังมีการขยายตัวอีกหลายเส้นทาง ทำให้มีโอกาสขยายงานได้อีกมาก
บริษัทมีรายได้หลักมาจาก 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ,ธุรกิจรับจ้างบริหารโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค่านายหน้าโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง นอกจากนี้ยังมีรายได้จากธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงรายได้ค่าบริการ รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่มเข้ามาช่วยเสริมธุรกิจด้วย
ราคาหุ้น ANAN ปิดวานนี้ที่ 4.20 บาท โดยระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นแตะ 4.24 บาทสูงสุดรอบ 8 เดือน
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 5.60 ทิสโก้ ซื้อ 4.80 เคทีบีฯ ซื้อ 4.50 เอเซีย พลัส ซื้อ 4.40 บัวหลวง ซื้อ 4.80 อาร์เอชบีฯ ซื้อ 4.70
นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน บล.บัวหลวง แนะนำ"ซื้อ"หุ้น ANAN ประเมินราคาเป้าหมาย 4.80 บาท และมีระดับ P/E ที่ 12 เท่า มองเป็นหุ้นเด่นสุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หลังประเมินผลประกอบการปีนี้จะมีกำไรสุทธิ 1,300 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน และจะเติบโตอีก 14% มาที่ระดับ 1,500 ล้านบาทในปี 60 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรม เนื่องจากในช่วงปี 59-60 จะมียอดโอนค่อนข้างมากส่งผลให้มีการเติบโตทั้งแง่รายได้และกำไร
อีกทั้ง เชื่อว่าหากรัฐบาลเริ่มเปิดประมูลโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ หรือมอเตอร์เวย์ ก็จะทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นตามไปด้วย
สำหรับไตรมาส 2/59 มองว่าผลประกอบการของ ANAN ทั้งในแง่ของรายได้และกำไรจะออกมาดีกว่าบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้ตุนยอดขายทำให้มี Backlog รอโอนเป็นจำนวนมาก
"เราให้ ANAN เป็นบริษัทที่เด่นที่สุดในอุตสาหกรรมเลย เพราะผลประกอบการมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และเห็นชัดเจนที่สุด ซึ่งด้วยผลประกอบการขนาดนี้ ราคา 4.80 บาท มี P/E ที่ 12 เท่า ก็มองว่าเป็นไปได้ สำหรับความกังวลในตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่าจะเกิดฟองสบู่หรือไม่นั้น เรามองว่าเป็นไปได้ยาก และอีกห่างไกลเลยทีเดียว การซื้อขายใบจองเก็งกำไรระยะสั้นที่เกิดขึ้นก็เป็นแค่ช่วงที่ตลาดบูม ๆ เท่านั้น แต่ปัจจุบันกำลังซื้อที่ชะลอลง เศรษฐกิจก็ชะลอ การซื้อเก็งกำไรก็หายไปแล้ว จะเป็นไปแบบปี 40 ก็ยาก จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้"นายวิกิจ กล่าว
ด้านนายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า หากนักลงทุนจะเลือกเข้าลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มองว่า ANAN น่าจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ในการลงทุน เพราะเป็นผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตของยอดขายค่อนข้างสูง
และในช่วงครึ่งปีหลัง จะมีโครงการเปิดใหม่อีกจำนวนมาก แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียมระดับกลาง-ล่าง 2 แห่งใหม่ภายใต้แบรนด์ Unio และโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุน Mitsui Fudosan ทั้ง 3 แห่ง แถบรถไฟฟ้าใต้ดินอโศก และรถไฟฟ้าสุขุมวิท ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาส 3/59 โดยมูลค่ารวมของโครงการเปิดตัวในไตรมาสนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.1-1.2 หมื่นล้านบาท ส่วนไตรมาส 4/59 บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม 1 แห่งมูลค่า 4.2 พันล้านบาท และโครงการแนวราบอีกหลายแห่ง
นอกจากนี้ บริษัทสามารถทำยอดขายตั้งแต่ช่วงต้นปีได้แล้วถึง 7 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของเป้าหมายยอดขายในปีนี้ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ช่วงสิ้นไตรมาส 1/59 บริษัทมี Backlog อยู่ 3.85 หมื่นล้านบาทซึ่งจะช่วยสนับสนุนยอดรับรู้รายได้ของบริษัทในระยะต่อไป โดยผลประกอบการไตรมาส 2/59 ก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตดีกว่าอุตสาหกรรม เนื่องจากมียอดโอนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้การร่วมมือ (JV) กับ Mitsui Fudosan ก็จะเข้ามาช่วยหนุนผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/59 เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 2 พันล้านบาท ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 7 พันล้านบาท และ 1.5 หมื่นล้านบาท ในปี 60 และ 61 ตามลำดับ ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรให้เติบโตในช่วงดังกล่าวด้วย
ยังแนะนำ "ซื้อ"หุ้น ANAN ประเมินราคาเป้าหมายที่ 4.70 บาท เนื่องจากมองว่าบริษัทจะได้รับอานิสงส์จากการประมูลสายรถไฟฟ้าสีชมพู เหลือง น้ำเงินและส้ม จากการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บนตามแนวรถไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความเสี่ยงที่อาจจะมีผลต่อประมาณการกำไร ทั้งมาตรการการปล่อยสินเชื่อที่รัดกุมมากขึ้นของสถาบันการเงิน และแนวโน้มมาร์จิ้นที่ลดลงจากการแข่งขันรุนแรง และทิศทางสภาพเศรษฐกิจของประเทศ
ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ คาดการณ์กำไรหลักของ ANAN ในไตรมาส 2/59 จะเติบโตก้าวกระโดด 80% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าจะมีกำไรหลักลดลง 13% มาอยู่ที่ 130 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ทรงตัวเพราะยังไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างเสร็จในงวดไตรมาสนี้ โดยโครงการที่ให้รายได้หลักยังเป็น Ideo สาทร-ท่าพระ Elio Del Rey Ideo วุฒากาศ เป็นต้น
ANAN มีแนวโน้มจะทำกำไรสูงสุดในงวดไตรมาส 4/59 โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของโครงการร่วมทุนที่จะเริ่มมีส่วนแบ่งกำไร หลังจากที่ในไตรมาส 2 และ 3 จะยังมีผลขาดทุนต่อเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายที่สูง ตามแผนการเปิดโครงการใหม่อีก 3 แห่ง แต่เมื่อถึงไตรมาส 4 โครงการ Ideo Q จุฬาฯ-สามย่าน มูลค่า 6.8 พันล้านบาทนั้นจะเริ่มโอนได้ตั้งแต่เดือนต.ค.59
ANAN นับเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดพัฒนาและจำหน่ายคอนโดมิเนียมในไทยในงวดปี 57-58 เป็นรองเฉพาะบมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) และบมจ.แสนสิริ (SIRI) แต่หากรวมยอดขาย 2 ปี ก็จะมาเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม นับได้ว่าบริษัทมีความชำนาญในการพัฒนาคอนโดมิเนียมใกล้แนวรถไฟฟ้า ซึ่งระยะห่างน้อยกว่า 500 เมตร ในแบรนด์ Ideo, Ideo Mobi, Ideo Q, Ashton
สำหรับโครงการร่วมทุนกับ Mitsui Fudosan ปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 9 โครงการ มูลค่าขาย 4.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะพลิกเป็นกำไรครั้งแรกในงวดไตรมาส 4/59 ซึ่งส่งผลไปสู่การเติบโตของกำไรหลักที่สูงมากในงวดปี 60
ด้านความเสี่ยงจาก Backlog ปัจจุบันที่มี 3.85 หมื่นล้านบาท จะทยอยโอนส่วนใหญ่ในปีนี้ และคงเหลือยอดโอนไปในปีหน้าในเกณฑ์ที่ต่ำ ดังนั้น จึงต้องเร่งการขายโครงการในปัจจุบันและโครงการแนวราบที่เปิดขายใหม่เพื่อมาเพิ่มรายได้ในปี 60
ทั้งนี้ ดีบีเอสฯ แนะนำ"ซื้อ" หุ้น ANAN กำหนดราคาพื้นฐานที่ 5.60 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 60 ที่ 8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 8.6 เท่า สิ่งที่น่าสนใจคือ คาดว่า ANAN จะมี P/E ต่ำสุดในอุตสาหกรรมในงวดปี 60 ที่ 5.6 เท่า ถือว่าถูกที่สุด เป็นผลจากคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรหลักปี 60 ที่มากถึง 66% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน