นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น (AMATA) คาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตราว 20% จากปีก่อน ตามยอดขายที่ดินที่ปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ราว 1 พันไร่ เพิ่มขึ้นจากกว่า 800 ไร่ในปีก่อน และปรับขึ้นราคาขายที่ดินให้สอดคล้องกับราคาประเมินที่ดินใหม่ของภาครัฐ ขณะที่สถานการณ์การเมืองที่นิ่งและภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ได้เลวร้ายมากนัก ประกอบกับการกระตุ้นการลงทุนจากภาครัฐบาล ยังเป็นปัจจัยที่สนับสนุนภาคการลงทุน
อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งแรกของปีนี้สามารถทำยอดขายที่ดินได้เพียง 260-270 ไร่ แต่เชื่อว่ายอดขายที่ดินจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล อีกทั้งยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อซื้อขายที่ดินกับนักลงทุนจากจีนและญี่ปุ่นเพิ่มเติม โดยเฉพาะนักลงทุนจากจีนในกลุ่มซัพพลายเออร์จะตามเข้ามาลงทุน หลังจากที่ จงเช่อ รับเบอร์ เข้ามาลงทุนผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์ในไทย โดยตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ในเฟสที่ 1 แล้ว และอยู่ระหว่างขยายเฟสที่ 2 คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปีนี้
"รายได้ก็ยังคงประมาณนั้นเติบโต 20% แต่กำไรบอกไม่ได้เพราะถ้าเกิดการขายโผล่ที่อมตะ ซิตี้ ตัวเลขจะสวิง แม้ยอดขายที่ดินเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ช่วงครึ่งปีแรกเราขายส่วนใหญ่อยู่ที่อมตะซิตี้ ส่วนอมตะนคร ขายได้ประมาณ 70-80 ไร่"นายวิบูลย์ กล่าว
ปัจจุบัน AMATA มีนิคมอุตสาหกรรมในไทย 2 แห่ง ได้แก่ อมตะนคร ในจ.ชลบุรี และอมตะซิตี้ ในจ.ระยอง โดยราคาขายที่ดินอมตะนคร จะอยู่ที่กว่า 8 ล้านบาท/ไร่ ขณะที่ราคาขายที่ดินของอมตะซิตี้ อยู่ที่กว่า 3 ล้านบาท/ไร่ ซึ่งเป็นราคาที่ปรับขึ้นแล้วในปีนี้
นายวิบูลย์ กล่าวอีกว่า ภาพรวมการลงทุนในประเทศขณะนี้ยังอยู่ในระดับที่ดีและนักลงทุนต่างชาติยังให้ความสนใจติดต่อเข้ามาเจรจาต่อเนื่อง หลังจากที่สถานการณ์การเมืองในประเทศนิ่ง และภาวะเศรษฐกิจไม่ได้เลวร้ายเหมือนในช่วงปี 40 อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาลในการกระตุ้นการลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะล่าสุดรัฐบาลกำลังเร่งดำเนินโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะเป็นการต่อยอดการลงทุนในพื้นที่อีสเทิร์นซีบอร์ด หลังรัฐบาลมีแผนจะให้สิทธิประโยชน์ด้านต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการลงทุนมากขึ้น
โดยในส่วนของยอดขายพื้นที่นิคมฯของอมตะในช่วงครึ่งปีแรกจะไม่หวือหวามากนัก แต่จะเริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังซึ่งเป็นไปตามวัฏจักร โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ขณะที่ปัจจุบันมีนักลงทุนจีนให้ความสนใจเข้ามาติดต่อเจรจาเพื่อซื้อขายที่ดินจำนวนมาก หลังจากที่บริษัทได้ร่วมทุนกับกลุ่ม Holly จากจีน ในการจัดหาที่ดินในพื้นที่อมตะซิตี้ราว 1 พันไร่ เพื่อรองรับนักลงทุนจีนที่จะเข้ามาลงทุน ซึ่งปัจจุบันได้ขายที่ดินส่วนนี้ไปแล้วราว 300-400 ไร่ โดยเฉพาะการขายพื้นที่แปลงใหญ่ให้กลุ่มจงเช่อ รับเบอร์ ราว 350 ไร่ เพื่อผลิตยางรถยนต์มีมูลค่าลงทุนรวม 2.64 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโครงการเฟสที่ 2 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตในปีนี้ กรณีดังกล่าวทำให้มีซัพพลายเออร์ของกลุ่มจงเช่อ ตามเข้ามาลงทุนด้วยอีกจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังมีการเจรจากับนักลงทุนจากญี่ปุ่น ที่ยังให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในไทยต่อเนื่อง และส่วนใหญ่ยังเป็นการลงทุนในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งล่าสุดมีลูกค้าของอมตะที่ซื้อที่ดินอยู่แล้วและอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อที่จะขยายการลงทุนด้วยการซื้อที่ดินอีก 30-40 ไร่ เพื่อรองรับการส่งออกที่ยังคงมีการขยายตัว
นายวิบูลย์ กล่าวว่า สำหรับการจ้างงานของโรงงานในพื้นที่นิคมฯของอมตะซิตี้ และอมตะนครตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง โดยตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ราว 1 หมื่นตำแหน่ง ซึ่งเป็นไปตามการขยายตัวของโรงงาน และเป็นการบ่งชี้ถึงการลงทุนที่ยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง