นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 59 นอกจากการลดต้นทุนต่อเนื่องในหลายมิติ และบริหารเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและเติบโตต่อเนื่อง บริษัทฯจะเน้นการเพิ่มมูลค่าการขายจากคุณภาพการเลี้ยง การผลิตเป็นอาหาร และเพิ่มมูลค่าจากผลผลิต
รวมทั้งการขยายการขายไส้กรอกไก่ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค และเตรียมขยายการผลิตเข้าสู่เฟส 2 เป็นวันละ 60 ตันภายในต้นปีหน้านี้ โดยการขยายกิจการผลิตและขายไส้กรอก ช่วยในการใช้ชิ้นส่วนไก่ที่เพิ่มขึ้น และสร้างมูลค่าเพิ่มได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันไทยฟู้ดส์ฯยังมีแผนสร้างพันธมิตรด้านการผลิต การกระจายสินค้าและช่องทางการจำหน่ายมากขึ้น โดยมุ่งเน้นสร้างมูลค่าเพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่าย ควบคู่กันไป
"ไทยฟู้ดส์ฯได้เริ่มเข้าบริหารโรงชำแหละชิ้นส่วนสุกร ในโซนภาคตะวันออก เพื่อส่งให้กับ 40 กว่าสาขาของธุรกิจโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่ ล่าสุดมีแผนงานขยายธุรกิจลักษณะนี้สู่ภาคอีสานซึ่งมีการเลี้ยงสุกรอยู่แล้วเป็นจำนวนมาก เพื่อต่อยอดธุรกิจในสายนี้ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายอย่างรวดเร็ว และแน่นอน โดยบริษัทฯตั้งเป้าหมายการเพิ่มรายได้อย่างน้อย 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน"นายเชิดศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ราคาไก่ชำแหละในตลาดมีแนวโน้มดีขึ้น ส่วนราคาสุกรยังอยู่ในระดับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา โดยบริษัทได้ดำเนินการลดต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์ การเลี้ยง และโรงงานผลิตชิ้นส่วน อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งแนวโน้มสินค้าส่งออกไก่แช่แข็งสู่ตลาดญี่ปุ่นมีราคาสูงขึ้น และปริมาณความต้องการสินค้ามากขึ้น รวมทั้งสามารถขยายการขายสู่ตลาดยุโรปมากขึ้น ทั้งสองส่วนนี้มีผลให้ราคาเฉลี่ยที่ได้รับสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในครึ่งปีหลังนี้ยังมีความเสี่ยงเรื่องราคากากถั่วและข้าวโพดมีแนวโน้มสูงขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนจากผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงในต่างประเทศ
นายเชิดศักดิ์ กล่าวว่า ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ธุรกิจผลิตอาหารยังเติบโตต่อเนื่องทั้งสามแกน คือ Feed Farm and Foods และมีแนวโน้มน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายปี 59 ที่จะเติบโตตามแผนประมาณ 15% จากปีที่แล้ว โดยล่าสุดบริษัทฯได้เพิ่มปริมาณเลี้ยงไก่และส่งไก่เข้าสู่ตลาดเพิ่มอีก 50,000 ตัวต่อวันเป็น 450,000 ตัวต่อวัน หรือมากกว่า 1 ล้านกิโลกรัมต่อวัน และเลี้ยงสุกรเป็นเข้าสู่ตลาดเพิ่มอีก 20% เป็น 55,000 ตัวต่อเดือน และผลิตอาหารสัตว์เพิ่มรวมทั้งสองโรงงานเป็น 90,000 ตันต่อเดือน หรือเท่ากับ 1 ล้านตันต่อปี โดยขายตลาดภายนอก 10%
พร้อมขยายการขายฟู้ดส์เซอร์วิส และขยายการขายลูกไก่เป็น เบอร์ท็อป 3 ของตลาด ส่งผลให้มีรายได้เสริม และกิจการโตต่อเนื่อง โดยเพิ่มการขายผ่านสาขาต่างจังหวัด และเพิ่มการขายสู่ตลาดส่งออก ทั้งญี่ปุ่นและยุโรป และฟู้ดส์เซอร์วิส ซึ่งเติบโตแบบก้าวกระโดด