นายอังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โรงพยาบาลลาดพร้าว (LPH) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทคาดว่าจะสรุปผลการศึกษาความเหมาะสมและการเจรจาเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลเดชาภายในกลางเดือน ก.ค.นี้ จากที่เจ้าของกิจการเสนอขายมาในช่วงราคา 500-700 ล้านบาท โดยขณะนี้มีคู่แข่ง 2-3 รายที่อยู่ระหว่างการเจรจาเช่นเดียวกัน ซึ่งมีทั้งโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน
ขณะนี้ LPH ตั้งบริษัทประเมินกลางเพื่อประเมินราคาทรัพย์สินและศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าไปลงทุน ระบบการจัดการต่างๆ โดยทางบริษัทประเมินกลางจะเสนอรายละเอียดและราคาที่ดีที่สุดให้ราวกลางเดือน ก.ค.นี้ จากนั้นบริษัทจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ให้พิจารณาปลายเดือนนี้ หากผลการประเมินออกมาคุ้มค่าบริษัทก็จะเสนอซื้อในราคาที่ดีที่สุด
"ที่สนใจโรงพยาบาลเดชา เพราะเป็นธุรกิจเดียวกัน เป็นโรงพยาบาลประกันสังคม ต้นทุนต่ำเพราะใช้วิธีเช่า มีกำไรพอควร เบื้องต้นพิจารณาแล้วคิดว่าคุ้มค่า ส่วนจะได้หรือไม่ได้ก็ไม่ได้ซีเรียส เพราะเป็นเรื่องการลงทุน ถ้าไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดีทันทีก็ไม่น่าลงทุน ซึ่งโรงพยาบาลเดชาก็ไม่ใช่โรงพยาบาลใหญ่ และมีข้อจำกัดหลายเรื่อง อย่างเรื่องที่จอดรถ ส่วนอัตราผลตอบแทนการลงทุนที่บริษัทคาดหวังนั้นอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ เบื้องต้นจะต้องให้ผลตอบแทนทันทีเพราะเอาเงินผู้ลงทุนเข้ามามาลงทุน"นายอังกูร กล่าว
ทั้งนี้ หากผลสรุปให้มีการซื้อกิจการโรงพยาบาลเดชา บริษัทก็คงจะต้องหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือเพื่อเตรียมการ ขณะที่บริษัทยังมีเงินที่เหลือจากการระดมด้วยการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) อีกราว 200 ล้านบาท และก็อาจใช้แนวทางขอเงินกู้จากสถาบันการเงินเพิ่มเติมด้วย
"ตอนนี้มีเงินเหลือ IPO อีก 200 ล้านบาท ไว้สำหรับลงทุน ซึ่งถ้าจะซื้อโรงพยาบาลเดชาก็ต้องมองหาพันธมิตร และใช้เงินกู้บางส่วนซึ่งอยู่ระหว่างหารือ"นายอังกูร กล่าว
นายอังกูร ยังเปิดเผยอีกว่า บริษัทยังมองหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลแห่งอื่นด้วย โดยจะพิจารณาโรงพยาบาลที่มีผลกำไรและพร้อมให้บริษัทเข้าไปร่วมลงทุน เน้นโรงพยาบาลในกทม.และปริมณฑลก่อน
สำหรับทิศทางผลประกอบการในปีนี้ บริษัทยังคงเป้ารายได้รวมเติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,255.70 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นหลังเปิดศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (Excellent Center) ที่เริ่มมีผู้เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก และจำนวนเตียงที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยปัจจุบันมีจำนวน 180 เตียง ขณะที่กำไรสุทธิปีนี้ก็จะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรราว 100 ล้านบาท โดยเฉพาะจากการเปิด Excellent Center
"เชื่อว่าทั้งรายได้และกำไรในครึ่งแรกปีนี้จะสูงกว่าครึ่งแรกปีก่อนอย่างมากจาก Excellent Center ที่ขยายตัวดีและมีศักยภาพสูง โดยแนวโน้มรายได้และกำไรไตรมาส 2/59 ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/59 นอกจากนี้ ยังคาดว่าครึ่งหลังก็จะดีกว่าครึ่งแรกซึ่งเป็นปกติของธุรกิจโรงพยาบาล เป็นซีซั่น เพราะครึ่งหลังเป็นหน้าฝนและหน้าหนาวคนจะป่วยกันมาก"นายอังกูร กล่าว
ทั้งนี้ ไตรมาส 1/59 มีรายได้รวม 339.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.11% กำไร 42.15 ล้านบาท พุ่ง 183.12%
นายอังกูร กล่าวอีกว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างก่อสร้างตึกใหม่ขนาด 30 เตียงเพื่อรองรับการเปิดให้บริการศูนย์เฉพาะทาง Excellent center และยังช่วยเพิ่มโควต้าผู้ประกันตนได้อีก 5 หมื่นราย ซึ่งจะทยอยเปิดดำเนินการในปีนี้ ก่อนจะให้บริการได้เต็มรูปแบบในต้นปี 60 ซึ่งปัจจุบัน LPH มีผุ้ป่วยที่ชำระเงินสด 55% ผู้ป่วยประกันสังคม 45% แต่ในปี 60 จะปรับสัดส่วนผู้ป่วยชำระเงินสดเพิ่มเป็น 60% และผู้ป่วยประกันสังคม 40%
สำหรับผู้ป่วยประกันสังคมในปีนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.61 แสนคน ซึ่งเต็มโควต้าแล้ว โดยทยอยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีอยู่ในระดับ 1.49 แสนคน ส่งผลให้รายได้จากประกันสังคมทยอยเพิ่มขึ้นด้วย และปี 60 เมื่อโควต้าเพิ่มอีก 5 หมื่นคนหลังจากสร้างอาคารใหม่แล้วเสร็จ ก็จะทำให้รายได้ในส่วนนี้เพิ่มขึ้นด้วย
ด้านลูกค้าที่เป็นผู้ป่วยต่างชาติราว 5% สัดส่วนนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่หวังว่าเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) แล้วก็จะเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าผู้ป่วยในกลุ่มนี้เพิ่ม แต่ขณะนี้ผู้ป่วยต่างชาติส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เข้ามาทำงานและท่องเที่ยวในประเทศไทย