นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดการลงทุน บลจ.บัวหลวง มองแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ช่วงครึ่งปีหลังจะแกว่งตัวในลักษณะ Sideway up โดยได้รับปัจจัยหนุนจากเงินทุนต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้ามา หลังจากเกิดความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป และประเทศใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากกรณีอังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนในสหภาพยุโรปปรับตัวลดลง นักลงทุนต่างชาติจึงปรับพอร์ตการลงทุนใหม่ และหันมาลงทุนในภูมิภาคเอเชียมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ รวมถึงไทย
ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบันพบว่าเงินลงทุนของต่างชาติไหลกลับเข้ามาแล้ว 4.2 หมื่นล้านบาท และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกมาก เพราะหากเทียบกับในอดีตเงินทุนต่างชาติเคยไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยสูงกว่า 2 แสนล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามประเด็นเกี่ยวกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ รวมไปถึงแนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และภาพรวมหนี้ในระบบ รวมถึงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในระบบธนาคารที่อาจปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
"ในช่วงที่ผ่านมาเราก็ได้มีการพบปะนักลงทุน และกองทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราเชื่อว่ายังมีโอกาสที่เงินทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาต่อ เพราะมีหลาย ๆ รายเข้ามาขอซื้อหุ้นแบบ BIG LOT และการพูดคุยกับบริษัทขนาดใหญ่ในต่างประเทศก็มองแนวโน้มในอนาคตที่จะเข้ามาเติบโตในภูมิภาคเอเชีย แต่อย่างไรก็ตาม ต่างชาติยังคงรอความชัดเจนเรื่องของการลงประชามติรัฐธรรมนูญฉบับปี 59 อยู่ว่าจะออกมาอย่างไร แต่ส่วนตัวเชื่อว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านก็มีการเลือกตั้งแน่ ๆ แค่จะใช้รัฐธรรมนูญฉบับไหนเท่านั้นเอง"นายพีรพงศ์ กล่าว
ด้านนายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ มองในทิศทางเดียวกันว่า SET Index ช่วงครึ่งปีหลังจะเคลื่อนไหวแบบ Sideway up จากเงินทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น นอกจากนั้น ยังมีเงินทุนของไทยที่ออกไปลงทุนในตลาดตราสารหนี้ในต่างประเทศที่จะไหลกลับเข้ามาด้วย โดยในช่วงที่ผ่านมาเงินทุนไทยไหลกลับมาแล้วถึง 6 แสนล้านบาท จากมูลค่าเงินทุนที่ออกไปถึง 2 ล้านล้านบาท
ทั้งนักลงทุนไทย และนักลงทุนต่างชาติ มีแนวโน้มไหลกลับมาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ไม่ว่าจะเป็น หุ้นกู้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และในหุ้นที่มีการปันผลในอัตราที่สูงโดยเฉพาะหุ้นไซต์ขนาดใหญ่ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการผลตอบแทนต่อปีที่ 4-6%
พร้อมกันนี้ นายสมิทธิ์ ยังมองว่า SET Index มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเมินดัชนีปลายปีนี้จะอยู่ที่ 1,550 จุด หรือครึ่งปีหลังจะแกว่งตัวในกรอบ 1,500-1,550 จุด โดยได้รับปัจจัยบวกจากแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ปรับตัวดีขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว และได้รับแรงหนุนจากเงินทุนไหลเข้าอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับปริมาณหนี้ในระบบ และ NPL
"ส่วนตัวเราเองมองว่าการเมืองของประเทศไทยในปัจจุบันนั้นเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น แต่ในส่วนของนักลงทุนต่างชาตินั้นเขากังวลในเรื่องนี้ค่อนข้างมาก แต่หากสามารถประชามติรัฐธรรมนูญฉบับปี 59 ผ่านได้ จะเป็นผลบวกที่ช่วยให้เงินทุนไหลเข้ามามากขึ้น ซึ่งต้องติดตามในวันที่ 7 ส.ค. ที่จะถึงนี้ แต่ส่วนตัวก็เชื่อว่าหากไม่ผ่านก็ยังจะมีการเลือกตั้งขึ้นตามแผน"นายสมิทธ์ กล่าว