นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) มองกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) วันนี้ที่ 1,460-1,470 จุด โดยมองทิศทางตลาดหุ้นไทยว่ายังมีแนวโน้มเป็นบวกต่อ โดยเฉพาะเมื่อผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1,468-1,470 ขึ้นไปได้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน จากการปรับตัวขึ้นมาของตลาดโดยกลุ่ม ICT วานนี้ เป็นสัญญาณบอกว่ากำลังมีแรงซื้อเข้ามาในตลาดอีกระลอกหนึ่ง ซึ่งผิดจากที่คาดไว้ว่าตลาดจะมีการพักตัวก่อนเดินหน้าต่อ
ดังนั้น กลยุทธ์ในวันนี้ มองทิศทางไปตามตลาดในหุ้นที่เป็นเป้าของนักลงทุนระดับสถาบันฯ ซึ่งจะเน้นไปที่หุ้นขนาดใหญ่ และหุ้นในสายของสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ขณะที่หุ้นตัวเล็ก อาจถูกลดระดับความน่าสนใจลงในช่วงนี้ ทั้งนี้ หุ้นที่เราคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน ประกอบด้วย TRUE, BBL, SCC, AMATA, MC, HANA และ ILINK
นายมงคล กล่าวว่า สำหรับการปรับตัวสูงขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯอันเป็นผลมาจากตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาดี และผลการเลือกตั้งในสภาสูงญี่ปุ่นวานนี้ ยังคงเป็นสองปัจจัยหลักที่หนุนตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่ตลาดกำลังเล็งในเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นของญี่ปุ่นหรืออังกฤษ
และสำคัญที่สุด จะเป็นเรื่องความกังวลที่มีต่อปัจจัยเสี่ยง BRExit นั้น ได้ลดระดับลงไปค่อนข้างมาก จนแทบไม่มีการพูดถึงในวันนี้ ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ส่งผลให้มีการเข้ามาซื้อสินทรัพย์เสี่ยงกันต่อและเป็นบวกต่อสินทรัพย์ทางการเงินเกือบทุกตัวในตลาด (ยกเว้นน้ำมัน) ที่มีความกังวลเรื่องภาวะล้นตลาด (oversupply) เข้ามา รวมทั้งการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นของผู้ผลิตในกลุ่ม OPEC บางราย
ด้านปัจจัยในประเทศการลงทุนภาครัฐ กำลังเป็นประเด็นที่ทำให้หุ้นที่เกี่ยวข้องปรับตัวสูงขึ้นในเช้าวันนี้ ค่าซื้อประกันความเสี่ยง หรือ Credit Default Swap (CDS) ของไทยต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.58 พร้อมกับค่าของเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น บ่งชี้ว่าจะมีเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรของไทย
ส่วนปัจจัยที่จะมีผลระหว่างวัน ประกอบด้วย ผลการขายพันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วงเงินรวม 6.7 หมื่นล้านบาทในวันนี้ รวมถึงทิศทางตลาดหุ้นเอเซีย ,การแถลงของ ธปท.ในเรื่องการโอนเงินในระบบ Prompt Pay และผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)