นายพีรเจต สุวรรณนภาศรี ประธานกรรมการบริหาร บมจ.แกรททิทูด อินฟินิท (GIFT) เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมย้ายเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เร็ว ๆ นี้จากปัจจุบันที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) คาดว่าจะมีข้อสรุประยะเวลาที่แน่ชัดภายใน 1 เดือน โดยคาดหวังจะย้ายไปซื้อขายอยู่ในหมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร
ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ที่ขอย้ายเข้าไปจดทะเบียนใน SET เป็นไปตามโรดแมพของบริษัทฯ ที่มีเป้าหมายจะขยายธุรกิจให้เติบโตในทุกมิติ โดยมีแผนเข้ารุกธุรกิจสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (Utility) เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ GIFT มีรายได้ที่แน่นอนเป็นฐานรองรับ เมื่อผนวกกับการดำเนินธุรกิจเชิงรุกจะผลักดันให้มีการเติบโตได้อย่างแข็งแรงกว่าเดิม สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
บริษัทฯคาดกำไรสุทธิ และรายได้ปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 90.15 ล้านบาท และรายได้ 753.25 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูงขึ้น ซึ่งช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ คาดว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการขยายตลาดสินค้าเคมีภัณฑ์ และหมวดอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ควบคู่ไปกับการคัดกรองและเพิ่มสินค้า ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่าทั้งอัตรากำไรสุทธิ และอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะสูงกว่าปีก่อน ที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 11.97% และอัตรากำไรขั้นต้น 19.93%
บริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจาเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ใน SET ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในกลุ่มพลังงานทดแทนรายใหญ่ 2 ดีล โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงต้นปี 60 อย่างน้อย 1 ดีล เบื้องต้นคาดว่าจะมีกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 10 เมกะวัตต์ และถือหุ้นในอัตราส่วนไม่ต่ำกว่า 25% นอกจากนี้ ยังมีดีลร่วมลงทุนเกี่ยวกับโครงการสาธารณูปโภคอีก 1 ดีล
โดยบริษัทฯยืนยันว่าจะยังไม่มีการเพิ่มทุนแต่อย่างได เนื่องจากบริษัทฯมีเงินสดอยู่ในมือรองรับกว่า 230 ล้านบาท และยังมีระดับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่เพียง 0.5 เท่า ซึ่งบริษัทฯสามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 3-4 เท่า ปัจจุบันได้มีการเจรจากับสถาบันทางการเงินไว้รองรับการลงทุนเรียบร้อยแล้ว สามารถลงทุนได้สูงถึง 2,000-2,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯยังเตรียมที่จะย้ายเข้าไปจดทะเบียนใน SET โดยคาดว่าจะสามารถกำหนดวันเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ได้ในระยะเวลาอีก 1 เดือนต่อจากนี้ เพื่อที่จะเป็นการเพิ่มช่องทางการระดมทุนในรูปแบบต่าง ๆ รองรับการลงทุนขนาดใหญ่
ทั้งนี้ บริษัทฯยังเตรียมที่จะร่างแผนธุรกิจระยะยาว 5-10 ปี เพื่อยื่นให้บอร์ดบริหารในช่วงปลายปีนี้ โดยแผนธุรกิจจะเริ่มตั้งแต่ปี 60 ซึ่งจะเน้นการขยายธุรกิจที่มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอมากขึ้น เพื่อที่จะเป็นแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้นในการเติบโตของบริษัทฯ
"เราคิดเรื่องที่จะย้ายเข้าไปอยู่ใน SET มากว่า 2 ปีแล้ว ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯมีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเราจะมีการทำแผนระยะยาวเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนได้ดีและมีความต่อเนื่อง จึงต้องมีการลงทุนขนาดใหญ่ ๆ การเข้าไปอยู่ใน SET ก็จะช่วยเพิ่มฐานทุน และทำให้เรามีช่องทางในการระดมทุนมากขึ้น และช่วยให้สามารถลงทุนในธุรกิจขนาดใหญ่ ๆ ได้อีกด้วย"นายพีรเจต กล่าว