นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) มองกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ที่ 1,463-1,482 จุด โดยทิศทางตลาดยังมีแนวโน้มบวก เพียงแต่จะไม่รุนแรง เนื่องจากวันพรุ่งนี้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะมีการประชุมนโยบายทางการเงิน และตลาดหุ้นไทยจะมีวันหยุดยาว
ปัจจัยที่จะมีผลระหว่างวัน ประกอบด้วย การรายงานตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของจีนเช้านี้ โดยตัวเลขส่งออก (USD) คาดว่า -5.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน (เดือนก่อน -4.1%) ตัวเลขนำเข้า -6.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน (เดือนก่อน -0.40%) และทิศทางค่าเงินเยนหากอ่อนค่าลงอีก จากปัจจุบันที่ 104.5 เยน/ดอลล่าร์ จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นรวมถึงตลาดอื่นๆ มากขึ้น
นายมงคล กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกได้อานิสงค์จากเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ อันเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งความกังวลในเรื่อง BRExit ที่ลดระดับลงเนื่องจากมีการประเมินผลหลัง BRExit แล้วพบว่าประเทศอื่นๆ นั้นจะได้รับผลกระทบไม่รุนแรงนักหลังจากที่กลัวกันในช่วงแรก และเงินที่ถอนออกมาจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำก็จะเพิ่มให้ราคาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขยับตัวสูงขึ้น ซึ่ง 3 เหตุผลหลักดังกล่าวหนุนให้ตลาดหุ้น 2 วันที่ผ่านมารวมถึงวันนี้ (13 ก.ค.) มีโอกาสเดินหน้าต่อ
ด้านราคาน้ำมันดิบในตลาดยังคงมีความแปลกแยกจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ที่ถูกปรับราคาขึ้นเพราะเล็งว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวดีขึ้นในช่วงต่อจากนี้ไป เนื่องจากราคาน้ำมันถูกกดดันด้วยสต็อกน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับสูง และผู้ผลิตอื่นๆ ก็มีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ทำให้ทิศทางและแนวโน้มราคาหุ้นกลุ่มน้ำมัน (ผู้ผลิต+โรงกลั่นน้ำมัน) เป็นแบบไร้ทิศทาง แต่จะส่งผลดีกับกลุ่มที่ใช้วัตถุดิบที่อิงราคาน้ำมันเช่นผู้ผลิตเม็ดพลาสติก ที่ยังได้ประโยชน์จากราคาวัตถุดิบที่ต่ำอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ส่วนปัจจัยในประเทศ ความคืบหน้าในเรื่อง กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานของไทย จะเป็นบวกต่อหุ้นที่อิงกับการก่อสร้าง-รับเหมาฯ ขณะที่ปริมาณการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท ซึ่งมาพร้อมกับความแข็งแกร่งของเงินบาท ดังนั้นจากปัจจัยภายนอกและในประเทศที่หนุนต่อการสูงขึ้นของดัชนีฯจึงคาดว่าวันนี้ ดัชนีฯจะมีโอกาสเดินหน้าต่อได้ นายมงคล กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ ยังเป็นการลงทุนตามทิศทางตลาด เน้นหุ้นที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนระดับสถาบันฯ ซึ่งจะเน้นไปที่หุ้นขนาดใหญ่ และหุ้นในสายของสินค้าโภคภัณฑ์ (ไม่รวมผู้ผลิตน้ำมัน) หุ้นที่คาดว่า จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน ประกอบด้วย BANPU , ANAN, TVT, AMATA , ILINK
หุ้นที่ KTBST ให้ความสนใจคือ CENTEL (ราคาปิด 38.50 บาท; ราคาที่เหมาะสมจาก IAA Consensus 43.90 บาท) ทั้งนี้กรมการท่องเที่ยวรายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือน พ.ค. 59 เพิ่มขึ้น 7.59% YoY ขณะเดียวกันกรมการท่องเที่ยวได้ประเมินแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนมิถุนายน 59 จะเติบโตต่อเนื่องจากปลายปีที่ผ่านมา คาดจะขยายตัวประมาณ 10-12% ซึ่งการเติบโตของการท่องเที่ยวจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมของบริษัทฯได้ ขณะเดียวกัน CENTEL ตั้งเป้ารายได้ปี 2559 เติบโตขึ้น 10% YoY จากการที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตามปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยหนุนธุรกิจในด้านต่างๆทั้งยอดขายและรายได้จากการบริการให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจาเงื่อนไขกับพันธมิตรเพื่อก่อสร้างโรงแรมในดูไบ มูลค่าลงทุนรวม 6-6.3 พันล้านบาท (CENTEL ถือหุ้น 40%) คาดว่าจะได้เซ็นสัญญาในปีนี้ โดยจะเริ่มออกแบบโรงแรมในปลายปี และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2562 และยังอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการธุรกิจอาหาร (คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน Q4/59) ซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งและขยายช่องทางรายได้ของบริษัทฯในอนาคต โดยปัจจุบัน CENTEL มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหารราว 52% และอีก 48% มาจากธุรกิจโรงแรมและอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในปีนี้บริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ที่ 2.55 พันล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจโรงแรม 1.25 พันล้านบาท และธุรกิจร้านอาหาร 1.3 พันล้านบาท เพื่อซื้อธุรกิจร้านอาหาร, ปรับปรุงสาขาเดิม และเปิดสาขาใหม่ (มีแผนเปิดสาขาใหม่ 58 สาขา จะทำให้ปีนี้มีสาขารวมทั้งหมด 826 สาขา)