หุ้น DTAC ราคาไหลลง 2.36% มาอยู่ที่ 31 บาท ลดลง 0.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 474.26 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.23 น. โดยเปิดตลาดที่ 31.25 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 31.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 30 บาท
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ขาย"หุ้น บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ภายใต้สมมติฐานสำคัญว่า DTAC ไม่สามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้ ในขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดยังไหลต่อเนื่อง จึงปรับประมาณการ DTAC ลงเป็นเริ่มขาดทุนทั้งแต่ H2/59 ยาวจนถึงปี 2561 พร้อมให้มูลค่าเหมาะสมใหม่ 25.50 บาท
ทั้งนี้ รายงานกำไรสุทธิ Q2/59 ที่ 141 ล้านบาท (-89% QoQ, -90% YoY) กำไรทีต่ำกว่าคาด มาจากการอุดหนุนค่าเครื่องถึง 890 ล้านบาท (เทียบกับที่คาด 720 ล้านบาท) และค่าใช้จ่าย admin พิเศษจากการลดขนาดขององค์กรที่ 394 ล้านบาท ซึ่งหากเรารวมกลับค่าใช้จ่ายพิเศษ กำไรจะใกล้เคียงที่ประเมินไว้ก่อนหน้า
ความเสี่ยงของการขาดทุนเริ่มปรากฏใน H2/59 การต้องพยายามรักษาส่วนแบ่งการตลาดให้ได้ จะบีบให้ DTAC ต้องออก campaign การตลาดจำนวนมากในครึ่งหลัง (เริ่มเห็นตั้งแต่ปลายไตรมาส 2) ซึ่งจะเป็นแรงกดดันในด้านต้นทุนต่อไป อย่างไรก็ดี เราไม่คิดว่า DTAC จะสามารถดึงโมเมนตัมของรายได้กลับมาได้จากข้อจำกัดด้านการลงทุนและข้อจำกัดในการใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากฐานกำไรที่เริ่มเข้าใกล้จุดขาดทุน เราคาดว่า DTAC มีโอกาสประสบกับภาวะขาดทุนครั้งแรกภายในครึ่งหลังของปีนี้ (จะไม่เกิดขึ้นหาก DTAC หยุด subsidy และลด scale ซึ่งเราคิดว่าเป็นทางเลือกที่แย่กว่าเดิม เนื่องจากเราประเมิน่วาส่วนแบ่งการตลาดยังเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในช่วงของการเปลี่ยนถ่าย)
แนวโน้มขาลงจนถึงปี 2561 และมีโอกาสไม่จ่ายปันผลปีหน้า 1) ค่าเสื่อมราคายังจะสูงขึ้น 2) การมีขีดจำกัดในการลงทุนทำให้ต้องคงค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่สูงและการต้องอุดหนุนค่าเครื่องต่อไปเพื่อปกป้องฐานลูกค้า และ 3) แนวโน้มการสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดต่อ จากคู่แข่งที่แข็งแกร่งขึ้นมาก (ADVANC จะมี 4G เต็มตัวในสิ้นปีนี้ ในขณะที่ TRUE กำลังจะเริ่มใช้คลื่น900MHz ไปบุกต่างจังหวัด) น่าจะกดดดันให้เกิดภาวะขาดทุนที่มากขึ้นในปี 2560-61 และน่าจะกระทบกับการจ่ายปันผลในปี 2560-61