นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH Fund) เปิดเผยว่า หลังประเทศอังกฤษได้ลงประชามติออกจากสหภาพยุโรป หรือ Brexit ส่งผลให้เกิดความผันผวนต่อตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก นักลงทุนจึงแสวงหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีและมีความเสี่ยงต่ำกว่า ซึ่ง LH Fund ประเมินว่าสถานการณ์ดังกล่าว REIT หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในตลาดแถบเอเชีย เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ทางเลือกในการกระจายการลงทุนเนื่องจาก REIT จ่ายเงินผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราที่ค่อนข้างสูงสม่ำเสมอ และสามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีและไม่ผันผวนมากเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นยุโรปมีความผันผวนและอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ จากข้อมูลพบว่า REIT ในประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์และฮ่องกง จ่ายเงินปันผลที่น่าพอใจด้วยอัตราเฉลี่ย 3-6% ต่อปี
เนื่องจาก REIT มีรายได้ที่สม่ำเสมอจากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์และยังมีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มจากการปรับขึ้นค่าเช่าและเพิ่มสินทรัพย์ที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่งและมีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจที่ดีในอนาคต ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ธนาคารกลางหลายประเทศมีนโยบายใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนมีโอกาสที่จะได้รับกำไรจากส่วนต่างราคาขายหน่วยลงทุนที่น่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีกด้วย
"เรามองว่าในช่วงที่ตลาดหุ้นยุโรปผันผวน การลงทุน REIT ในตลาดเอเชียเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันและยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีจากปัจจัยสนับสนุน เช่น การลงทุน REIT ในญี่ปุ่นที่คาดว่าจะได้รับผลดีจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีโอกาสเพิ่มขนาดการเข้าซื้อ REIT และมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงราคาที่ดินในญี่ปุ่นที่ปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปี 2550 หรือการลงทุน REIT ในประเทศสิงคโปร์ที่ในช่วงปีที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลงค่อนข้างมากจากความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย แต่ความกังวลนี้ได้ลดลงในปีนี้ ทำให้มีโอกาสที่ราคา REIT ในสิงคโปร์จะปรับขึ้นสูง โดย LH Fund สนใจใน REIT ประเภทห้างค้าปลีกในเขตรอบนอกเมือง ที่ยังมีความต้องการสูงและได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจไม่มาก" นายมนรัฐ กล่าว
จากปัจจัยที่กล่าวมา ในช่วงครึ่งปีหลัง LH Fund มีแผนจัดตั้งกองทุนรวมหน่วยลงทุนอสังหาริมทรัพย์หรือ Fund of Property Fund เพื่อลงทุน REIT ในเอเชีย เป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุน ที่ต้องการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นและแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว
นอกจากนี้ LH Fund ยังให้ความสนใจจัดตั้งกองทุนรวมประเภท Feeder Fund ซึ่งจะเข้าลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดกลางและเล็กในตลาดหุ้นประเทศญี่ปุ่น โดยเน้นบริษัทฯ ที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่งและมีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจที่ดีในอนาคต เนื่องจากบริษัทฯ คาดการณ์ว่าเงินเยนมีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากมาตราการของภาครัฐซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น รวมถึงประเมินว่าอัตราการจ้างงาน การลงทุน และการบริโภคภายในประเทศญี่ปุ่นจะปรับตัวดีขึ้นจากความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่น เช่น ความพยายามปรับขึ้นอัตราค่าจ้างเพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้บริโภค การเลื่อนการขึ้น VAT เป็นต้น