บลจ.กสิกรฯมอง SET ปลายปี 1,500 จุด บริโภคในประเทศฟื้น-สภาพคล่องตลาดโลกล้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 13, 2016 15:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย ประเมินแนวโน้มครึ่งปีหลังยังมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับผลกระทบจากเหตุการณ์ Brexit มีค่อนข้างจำกัด ทำให้การลงทุนในหุ้นยังมีความน่าสนใจมากกว่าตราสารหนี้

นอกจากนี้ แม้ว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET Index) ในปัจจุบันจะไม่ถูกมากนักเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต แต่ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งหากเศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวได้ตามคาด จะส่งผลดีต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ยังมีโอกาสเติบโตขึ้นในระยะข้างหน้า

ดังนั้น มองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปี 59 ที่ระดับ 1,500 จุด ปัจจัยหนุนคาดว่าจะมาจากการบริโภคในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังที่เป็นผลมาจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐเพิ่มเติมในช่วงกลางปี รวมถึงความคืบหน้าด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จะเริ่มชัดเจนขึ้น ขณะที่ปัญหาภัยแล้งสิ้นสุดลง

นอกจากนี้สภาพคล่องในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับสูงจากการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกยังเป็นปัจจับสนับสนุนต่อการลงทุนในหุ้น

ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรกตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการคาดการณ์ของตลาดว่า Fed น่าจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ โดยตั้งแต่ต้นปีดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นกว่า 12%

ส่วนสถานการณ์ลงทุนในทองคำในช่วงปลายปี 58 ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นภายหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ราคาทองคำกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ท่ามกลางสภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีความผันผวนสูงอันเนื่องมาจากปัจจับลบต่าง ๆ อาทิ ความกังวลต่อเศรษฐกิจจีน ราคาน้ำมันที่ร่วงลงต่ำ มาตรการทางการเงินของธนาคารกลางประเทศแกนหลักที่อาจมีประสิทธิภาพน้อยลง รวมไปถึงความกังวลต่อสถานการณ์การแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) ส่งผลทำให้นักลงทุนลดการถือครองในสินทรัพย์เสี่ยง และหันเข้ามาถือสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่นทองคำ ทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากช่วงปลายปี 2558 ที่อยู่ในระดับ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ และกลับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ขณะที่ผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาของกองทุน K-GOLD สามารถให้ผลตอบแทนที่โดดเด่น โดยในรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 ก.ค 58-30 มิ.ย 59 กองทุนให้ผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 11.92% อย่างไรก็ตามสำหรับมุมมองการลงทุนในทองคำ บลจ.กสิกรไทยมองว่าในระยะสั้น ทองคำในฐานะการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจะได้รับผลบวกจากความผันผวนและความไม่แน่นอนของตลาดการเงินการลงทุนทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ในระยะยาวราคาทองคำอาจจะถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น จึงทำให้โอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นได้ไม่มากนัก

ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย มองกรอบราคาทองคำในปี 2559 อยู่ที่ระดับ 1,100-1,250 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์

ด้านกองทุน K-STADE หรือชื่อเดิมคือกองทุนเปิดรวงข้าวทวีผล (KFI-HI) เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2536 โดยมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีความมั่นคง ทั้งนี้นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมีประวัติการจ่ายปันผลรวมแล้วทั้งสิ้น 18 ครั้ง รวมเป็นเงิน 8.99 บาทต่อหน่วย ส่วนอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Yield) สำหรับผลการดำเนินงานในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา คิดเป็น 3.63%

บลจ.กสิกรไทย มีกำหนดจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมจำนวน 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค โกลด์ (K-GOLD) ในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2558-30 มิถุนายน 2559 กองทุนเปิดเค สตราทิจิค แอคทีฟ หุ้นทุนปันผล (K-STADE) ในอัตรา 0.22 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559-30 มิถุนายน 2559 และกองทุนเปิดเค สตราทีจิค ดีเฟ็นซีฟหุ้นระยะยาวปันผล (KSDLTF) ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2558 - 30 มิถุนายน 2559

ทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 30 มิถุนายน 2559 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 14 กรกฎาคม 2559 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้น 768.48 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ