บมจ.บิสซิเนสอะไลเม้นท์ (BIZ) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น ที่หุ้นละ 2.90 บาท จากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อในช่วงวันที่ 20-22 ก.ค.และ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 28 ก.ค.นี้ ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “BIZ" มีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
BIZ แต่งตั้งให้ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 4 แห่ง ประกอบด้วย ได้แก่ บล.โกลเบล็ก ,บล.ฟินันเซีย ไซรัส ,บล.โนมูระ พัฒนสิน และ บล.แอพเพิล เวลธ์
ทั้งนี้ บริษัทเป็นผู้นำในการเป็นตัวแทนนำเข้า จำหน่าย ติดตั้ง และการให้บริการดูแลและซ่อมบำรุงเครื่องมือแพทย์ โดยเน้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีรังสีรักษาเป็นหลัก กล่าวว่า กลุ่มลูกค้าของ บริษัทฯส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศ อาทิ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล, คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นต้น
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า การกำหนดราคาไอพีโอที่ 2.90 บาท/หุ้น ถือเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของ BIZ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าหุ้น BIZ จะได้การตอบรับที่ดีจากนักลงทุนด้วยเป็นหุ้นในกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์เฉพาะทางโดยบริษัทเป็นผู้นำในตลาดในด้านการให้บริการแบบครบวงจร (Solution Provider) เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในการรักษาโรคมะเร็งด้วยรังสีรักษา และตลาดยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
ด้านนายเสกสรรค์ ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APM กล่าวว่า BIZ ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีความน่าสนใจในการลงทุนอย่างมากด้วยจุดเด่นในการเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะทางใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยมีประสบการณ์ด้านเครื่องมือแพทย์มายาวนานกว่า 15 ปี ประกอบกับมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และความเข้าใจในผลิตภัณฑ์เป็นอย่างมาก ทำให้สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ประกอบกับ ระหว่างวันที่ 24 มิ.ย.-8 ก.ค.ที่ผ่านมา ทั้งผู้บริหารบริษัทฯ และทีมที่ปรึกษาทางการเงิน ได้เดินทางเพื่อนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุนมากถึง 11 จังหวัด ซึ่งพบกว่านักลงทุนให้ความสนใจอย่างมาก จากประเด็นดังกล่าวทำให้มั่นใจว่า BIZ จะได้รับการตอบรับที่ดีอย่างแน่นอน
ขณะที่นายสมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BIZ กล่าวว่า เม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น เพื่อนำไปใช้รองรับการรับงานใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากในปัจจุบันผู้ป่วยโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่เครื่องฉายรังสีมีจำนวนไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น
“จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) จำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งของไทยในปี 58 ที่ควรได้รับการฉายรังสี อยู่ที่กว่า 65,000 คน ขณะที่จำนวนคนที่สามารถเข้ารับการรักษาต่อเครื่องฉายรังสีอยู่ที่ 400 คน/เครื่อง/ปี ดังนั้น จำนวนเครื่องฉายรังสีที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการได้เพียงพอจะอยู่ที่ 165 เครื่อง (บนฐานจำนวนผู้ป่วยในปี 2558) แต่ปัจจุบันมีจำนวนเครื่องฉายในรูปแบบของเครื่องเร่งอนุภาคเพียง 70 เครื่อง จากประเด็นข้างต้นสะท้อนว่าตลาดยังมีความต้องการเครื่องฉายดังกล่าวเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองการใช้งานและรองรับผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม" นายสมพงษ์ กล่าว
นายสมพงษ์ เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้จะสูงขึ้นไปแตะระดับ 500 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 318 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/59 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) แล้ว 640 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนลูกค้า 6 โครงการ โดยจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในปีนี้ 5 โครงการ หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจารับงานใหม่อีก 2-3 โครงการทั้งจากโรงพยาบาลเอกชนและรัฐบาล หากได้รับงานจะใช้ระยะเวลา 6-12 เดือนในการรับรู้รายได้
นอกจากนั้น บริษัทยังมีรายได้จากงานบริการหลังการขายเพิ่มมากขึ้น ตามยอดขายเครื่องที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะจะส่งผลให้ความต้องการการดูแลรักษา และซ่อมบำรุงเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันรายได้ในส่วนนี้คิดเป็น 20-25% ของรายได้ ซึ่งปีนี้คาดว่าจะทำรายได้ราว 100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/59 อาจจะออกมาไม่ดีนัก ซึ่งเป็นผลจากระยะเวลาการรับรู้รายได้ของบริษัทที่จะต้องรอให้งานแล้วเสร็จก่อน ซึ่งงานส่วนใหญ่จะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้น ก็จะทำให้มีรายได้เข้ามามากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 16-20% และอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ในกรอบ 7-10% ซึ่งมีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้นหลังจากการระดมทุนครั้งนี้ เพราะจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินปรับลดลง