ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) ที่ระดับ “A" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำของบริษัทในตลาดทาวน์เฮ้าส์ระดับราคาปานกลางถึงต่ำ ตลอดจนผลงานที่เป็นที่ยอมรับในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงล่าง ความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุน และยอดขายรอการส่งมอบจำนวนมากที่ช่วยประกันรายได้ของบริษัทในอนาคตได้ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงระดับหนี้ครัวเรือนที่สูง รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัวซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการที่อยู่อาศัยในระยะสั้นถึงปานกลางอีกด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานเอาไว้ได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถส่งมอบยอดขายที่รอรับรู้รายได้จำนวนมากได้ตามแผนและจะรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทและของกลุ่มให้อยู่ที่ประมาณ 50% ทั้งนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตในอนาคตของบริษัทขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของบริษัทเองและสถานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทด้วย หากการลงทุนในธุรกิจใหม่ประสบผลสำเร็จก็จะส่งผลดีต่อกลุ่มบริษัท ในทางตรงข้าม อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับผลกระทบในทางลบหากการลงทุนในธุรกิจใหม่ของบริษัทโฮลดิ้งส่งผลให้สถานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทอ่อนแอลง
บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยชั้นนำของประเทศซึ่งก่อตั้งในปี 2536 โดยนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนธันวาคม 2548 ณ เดือนมีนาคม 2559 กลุ่มตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 69% ของหุ้นทั้งหมด บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ณ เดือนพฤษภาคม 2559 อยู่เป็นจำนวนมากประมาณ 200 โครงการ ซึ่งประกอบด้วยทาวน์เฮ้าส์ (คิดเป็น 41% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด) คอนโดมิเนียม (31%) และบ้านเดี่ยว (28%) ที่อยู่อาศัยของบริษัทเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่างเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม บริษัทเพิ่มสินค้าในระดับราคาที่สูงขึ้นเพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น ณ เดือนพฤษภาคม 2559 โครงการของบริษัทมีมูลค่าเหลือขาย (รวมทั้งยูนิตที่ก่อสร้างแล้วและยังไม่ได้ก่อสร้าง) รวมทั้งสิ้นประมาณ 73,000 ล้านบาท และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 25,000 ล้านบาทซึ่งมีกำหนดส่งมอบในช่วงที่เหลือของปี 2559 ถึงปี 2561
มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2559 ได้อนุมัติแผนการปรับโครงสร้างกิจการและการเพิกถอนหุ้นสามัญของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้ ตามแผนการปรับโครงสร้างกิจการได้มีการจัดตั้ง บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เมื่อเดือนมีนาคม 2559 โดยบริษัทโฮลดิ้งดังกล่าวจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทในอัตราส่วนการแลกเปลี่ยนเท่ากับ 1 ต่อ 1 ภายหลังจากทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เสร็จสิ้นแล้ว บริษัทโฮลดิ้งจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทและหุ้นสามัญของบริษัทโฮลดิ้งจะเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแทนหุ้นสามัญของบริษัทซึ่งจะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในเวลาเดียวกัน การปรับโครงสร้างดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปลายปี 2559 โครงสร้างกิจการใหม่นี้จะทำให้กลุ่มบริษัทมีความคล่องตัวในการขยายไปยังธุรกิจใหม่และเปิดโอกาสในการหาผู้ร่วมทุน ณ ปัจจุบันบริษัทโฮลดิ้งอยู่ระหว่างการหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจใหม่โดยเน้นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่องให้แก่กลุ่ม
หลังการปรับโครงสร้างกิจการบริษัทยังคงเน้นการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย สินทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินงานทั้งหมดและคณะผู้บริหารหลักจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักของกลุ่มบริษัทในช่วงอีกหลายปีข้างหน้า บริษัทจึงถือว่าเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของกลุ่มบริษัท จึงทำให้อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทเท่ากับอันดับเครดิตของกลุ่มบริษัท ทั้งนี้ หากบริษัทย่อยอื่น ๆ มีสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคตก็อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของทั้งกลุ่มบริษัทและบริษัทได้
ผลการดำเนินงานในปี 2558 ของบริษัทดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ยอดขายของบริษัทในปี 2558 เติบโต 8% จากปีก่อนเป็น 42,386 ล้านบาท ยอดขายในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2559 ลดลงเล็กน้อย 9% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเป็น 17,823 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดโครงการใหม่ที่น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รายได้ของบริษัทในปี 2558 ทำสถิติสูงสุดที่ 51,240 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน โดยรายได้ของบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามากเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นสถิติใหม่ของรายได้สูงที่สุดในอุตสาหกรรม รายได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเป็น 10,284 ล้านบาท ทั้งนี้ รายได้ในช่วงที่เหลือของปี 2559 ได้รับแรงหนุนส่วนหนึ่งจากยอดขายที่รอการส่งมอบมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท ในขณะที่ยอดขายรอการส่งมอบที่เหลืออีก 12,000 ล้านบาทนั้นจะประกันการรับรู้รายได้ในช่วงปี 2560-2561
อัตรากำไรจากการดำเนินงานซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายของบริษัทอยู่ที่ 20%-21% ในช่วงปี 2555-2558 และลดลงเป็น 17% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2559 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ประมาณ 15% อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทดีขึ้นเป็น 42% ณ เดือนธันวาคม 2558 และ 41% ณ เดือนมีนาคม 2559 จาก 45%-49% ในช่วงปี 2555-2557 แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัว แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานเอาไว้ได้ในระดับไม่ต่ำกว่า 15% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทและของกลุ่มบริษัทควรอยู่ที่ประมาณ 50% สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 30%-36% ในช่วงปี 2557 ถึงไตรมาสแรกของปี 2559 นอกจากนี้ ณ เดือนพฤษภาคม 2559 บริษัทมีวงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้เบิกใช้จำนวนมากถึง 27,000 ล้านบาทซึ่งช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้แก่บริษัท