นายชวลิต พันธ์ทอง ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและบริหารความยั่งยืน บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทวันพรุ่งนี้ (15 ก.ค.) จะมีการพิจารณาเลือกผู้รับเหมาในการก่สร้างท่อก๊าซฯ ไปจ.นครราชสีมา เฟส 2 มูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท และโครงการเครื่องเพิ่มความดันฯ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา 4.8 พันล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนลงทุน 5 ปี (ปี 59-63) ของกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานในวงเงินรวม 1.57 แสนล้านบาท โดยวงเงินลงทุนตามแผน 5 ปีดังกล่าวเป็นวงเงินที่ปรับลดลงแล้วราว 20% จากแผนงานเดิม หลังต้นทุนค่าก่อสร้างลดลงตามราคาเหล็กและราคาน้ำมัน
“โครงการลงทุนส่วนใหญ่ของเราเป็นโครงการก่อสร้างท่อส่งก๊าซฯ ทุกโครงการยังเดินหน้าหมด แต่การประเมินการลงทุนช่วงนั้นเป็นช่วงภาวะเศรษฐกิจเติบโต แต่ตอนนี้อุปกรณ์ราคาต่าง ๆ ถูกลงเยอะ เราไม่ได้ปรับลดงาน แต่ปรับเม็ดเงินเพราะงบประมาณที่ใช้ลงทุนจริงไม่ถึง ปีนีก็จะลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาท ลดลงได้ประมาณ 2 พันกว่าล้านบาท"นายชวลิต กล่าว
นายชวลิต กล่าวว่า สำหรับงบลงทุนหลัก ๆ ตามแผน 5 ปี ได้แก่ โครงการท่อส่งก๊าซฯหลักเส้นที่ 5 มูลค่าโครงการปรับลดลงเหลือ 9.65 หมื่นล้านบาท ลดลงจากกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในช่วงไตรมาส 3/59 และจะพยายามเร่งให้เสร็จในปี 62 จากตามแผนจะเสร็จในปลายปี 63 ,โครงการท่อส่งก๊าซฯบนบก นครราชสีมา มูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท โดยเฟส 1 จากสระบุรีไปนครราชสีมา ระยะทาง 112 กิโลเมตร มีความคืบหน้าแล้ว 87% และจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้
ขณะที่เฟสที่ 2 จาก อ.สูงเนิน ไปนิคมอุตสาหกรรมสุรนารี ระยะทาง 50 กิโลเมตร วงเงินลงทุนกว่า 7 พันล้านบาท จะเสนอรายชื่อผู้รับเหมาต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันพรุ่งนี้ ซึ่งโครงการจะแล้วเสร็จในปี 61 จะช่วยเพิ่มความมั่นคงและส่งเสริมการลงทุนในภาคตะวันออกเฉียงหนือ รวมถึงช่วยลดต้นทุนการขนส่งก๊าซธรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ด้วย
โครงการท่อส่งก๊าซฯ RA#6 –ราชบุรี มูลค่าโครงการ 1.36 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเชื่อมต่อกับท่อส่งก๊าซฯจากเมียนมา และท่อส่งก๊าซฯหลักเส้นที่ 5 ซึ่งจะทำให้มีความยืดหยุ่นในการรองรับก๊าซฯจากฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก หลังก๊าซฯจากเมียนมา หรือทางฝั่งตะวันตกมีแนวโน้มที่จะลดลง ,โครงการ Midline Compressor มูลค่า 9 พันล้านบาท ,โครงการเครื่องเพิ่มความดันฯวังน้อย 4.8 พันล้านบาท เพื่อเพิ่มปริมาณส่งก๊าซฯ โดยวันพรุ่งนี้คณะกรรมการบริษัทจะมีการพิจารณาอนุมัติผู้รับเหมาในโครงการดังกล่าว
นายชวลิต กล่าวอีกว่า สำหรับราคาขายปลีก NGV ในเดือนก.ค.ที่จะประกาศในวันที่ 16 ก.ค.นี้ คาดว่าจะปรับลดลงได้ 2 สตางค์/กิโลกรัม จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 12.55 บาท/กิโลกรัม ซึ่งเป็นการปรับลดลงตามต้นทุนเนื้อก๊าซฯที่ลดลง ขณะที่คาดว่าความต้องการใช้ NGV ในปีนี้จะลดลงมาอยู่ที่ราว 8,100 ตัน/วัน จากระดับ 8,450 ตัน/วันในปีที่แล้ว หลังราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำทำให้ผู้บริโภคบางส่วนหันไปใช้น้ำมันแทน โดยในช่วงไตรมาส 2/59 ปริมาณการใช้ NGV อยู่ที่ราว 7,900 ตัน/วัน ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้ปริมาณการใช้จะทรงตัวอยู่ระดับนี้ต่อไป