ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม ICC ที่ "AA/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 15, 2016 13:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล (ICC) ที่ระดับ “AA" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าประเภทชุดชั้นในสตรี เครื่องแต่งกายบุรุษ และเครื่องสำอางของเครือสหพัฒน์ ตลอดจน ความหลากหลายของสินค้าและตราสัญลักษณ์ รวมถึงการสนับสนุนจากบริษัทภายในเครือสหพัฒน์ และการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงนโยบายการเงินที่มีความระมัดระวังและสภาพคล่องที่เพียงพอของบริษัทด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวซึ่งส่งผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสินค้าเสื้อผ้าและสินค้าอุปโภคบริโภค

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดที่แข็งแกร่งในผลิตภัณฑ์หลักเอาไว้ได้ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงนโยบายการเงินที่ระมัดระวัง และรักษาสภาพคล่องทางการเงินในระดับสูงต่อไป

ความเป็นไปได้ในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตจะเกิดขึ้นได้หากสถานะทางธุรกิจของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจนทำให้ขนาดของเงินทุนจากการดำเนินงานปรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่ความเสี่ยงจากการถูกปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทมาจากความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงกว่าที่คาดไว้เป็นระยะเวลานานหรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินที่เป็นไปในเชิงรุกมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล ก่อตั้งในปี 2507 เพื่อเป็นผู้จำหน่ายสินค้าประเภทชุดชั้นในสตรี เสื้อผ้าบุรุษ และเครื่องสำอางของเครือสหพัฒน์ โดยมีตราสัญลักษณ์สินค้ามากกว่า 80 ตรา โดยตราสัญลักษณ์จากต่างประเทศ ได้แก่ Wacoal, Arrow, Lacoste, Guy Laroche และ ELLE ส่วนตราสัญลักษณ์ของบริษัท เช่น BSC, Enfant, Essense, St. Andrews, และ Rainflower ก็เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยเช่นกัน สินค้าของบริษัทมีจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ และร้านค้าของบริษัทกว่า 3,400 แห่งทั่วประเทศ

สถานะทางธุรกิจของบริษัทมีความแข็งแกร่งโดยได้รับแรงหนุนจากความหลากหลายของสินค้าและสถานะทางการแข่งขันที่เข้มแข็งในตลาดสินค้าประเภทชุดชั้นในสตรี เครื่องแต่งกายบุรุษ และเครื่องสำอาง ประสบการณ์ที่ยาวนานในการกระจายสินค้าแฟชั่นและความร่วมมือที่ดีจากบริษัทผู้ผลิตสินค้าและผู้จัดหาภายในเครือสหพัฒน์เป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทยังคงรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันเอาไว้ได้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทมุ่งเน้นในการจัดโครงสร้างและการจัดการระบบงานภายใน เช่น ปรับขั้นตอนการผลิต บริหารสินค้าคงคลัง ควบคุมต้นทุน และลดความซ้ำซ้อนในการขนส่งสินค้า ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นช่วยทำให้รายได้และกำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ ช่องทางการจัดจำหน่ายนอกห้างสรรพสินค้าจะช่วยขยายโอกาสในการเติบโต โดยบริษัทพัฒนาช่องทางการขายผ่านทางออนไลน์และผ่านสื่อโทรทัศน์ ซึ่งได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการเลือกซื้อสินค้าที่คุ้มค่ามากที่สุด

รายได้ของบริษัทในปี 2558 อยู่ที่ 12,343 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6% จากปี 2557 โดยมีสินค้ากลุ่มชุดชั้นในสตรีเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโต รายได้สำหรับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2559 อยู่ที่ 3,001 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สินค้าหลักที่สร้างรายได้ส่วนใหญ่ให้แก่บริษัท คือ ชุดชั้นในสตรี (30%) เครื่องแต่งกายบุรุษ (28%) และเครื่องสำอาง (11%) สินค้าภายใต้ตราสัญลักษณ์จากต่างประเทศสร้างรายได้ในสัดส่วน 68% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2558

“Wacoal" เป็นตราสัญลักษณ์หลักของสินค้าชุดชั้นในสตรีของบริษัทและยังคงเป็นตราสินค้าชั้นนำในตลาดชุดชั้นในสตรีที่จำหน่ายผ่านทางห้างสรรพสินค้า โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 54% ในปี 2558 กลุ่มผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในสตรีของบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งสิ้นเกือบ 60% สินค้าในกลุ่มชุดชั้นในสตรีของบริษัทเติบโตอย่างมากถึง 14% ในปี 2558 อันเป็นผลมาจากการปรับขั้นตอนภายในและลดกระบวนการซ้ำซ้อนในการขนส่ง นอกจากนี้ บริษัทยังคงสถานะทางการแข่งขันในตลาดเครื่องแต่งกายบุรุษและเครื่องสำอางเอาไว้ได้โดยได้รับแรงหนุนจากตราสัญลักษณ์ที่แข็งแกร่งของตราสินค้า "Arrow" และ "Lacoste" ในตลาดเครื่องแต่งกายบุรุษ และ "บีเอสซี คอสเมโทโลจี" ในตลาดเครื่องสำอาง

บริษัทเริ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปี 2557 จากที่ดินที่มีอยู่แล้ว โดยโครงการแรกเป็นโครงการพัฒนาทาวน์เฮาส์ในทำเลใกล้กับสวนอุตสาหกรรมของเครือสหพัฒน์ในจังหวัดชลบุรี ประกอบด้วยทาวน์เฮาส์จำนวน 231 หลัง มูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 450 ล้านบาท บริษัทค่อย ๆ รับรู้รายได้จากการขายและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการก่อสร้างโครงการในส่วนต่อไปซึ่งสอดคล้องกับนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังของบริษัท ณ สิ้นเดือนเมษายน 2559 บริษัทขายทาวน์เฮาส์ไปแล้วจำนวน 24 หลัง โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นลูกค้าคนไทยที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมในละแวกนั้น

สถานะทางการเงินของบริษัทได้รับแรงหนุนจากนโยบายด้านการเงินที่ระมัดระวัง การมีวินัยทางการเงิน และสภาพคล่องที่เพียงพอ บริษัทมีอัตรากำไรไม่สูงเนื่องจากเป็นลักษณะการทำธุรกิจของบริษัทตัวกลางการค้า โดยอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ระดับ 3.3% ในปี 2558 และเพิ่มเป็น 4.3% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2559 เปรียบเทียบกับ 2.4% ในปี 2557 อัตรากำไรที่ปรับดีขึ้นเล็กน้อยเป็นผลจากการควบคุมค่าใช้จ่ายและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น เงินทุนจากการดำเนินงานเพิ่มจาก 735 ล้านบาทในปี 2557 เป็น 883 ล้านบาทในปี 2558 ส่วนสภาพคล่องก็ยังคงแข็งแกร่งโดยมีแรงหนุนจากสถานะปลอดภาระหนี้ของบริษัท

บริษัทมีนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวัง และคงสถานะปลอดภาระหนี้ได้เป็นระยะเวลานาน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 บริษัทมีเงินกู้รวม 31 ล้านบาทซึ่งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทย่อยเป็นหลัก บริษัทมีภาระหนี้ที่เกิดจากการค้ำประกันให้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้อง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 อยู่ที่ 248 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 176 ล้านบาทในปี 2557 ตามสัดส่วนการถือหุ้น 12% ใน บริษัท สห โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือสหพัฒน์

ความคล่องตัวทางการเงินของบริษัทได้รับการสนับสนุนจากสภาพคล่องของการลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ทั้งนี้ มูลค่าตลาดของเงินลงทุนของบริษัทในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 20 แห่งคิดเป็นมูลค่า 5,722 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อมูลค่าตลาดของเงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ระดับ 10%

ในช่วงปี 2559-2561 สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตเล็กน้อย โดยปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตจะมาจากสภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างช้า ๆ เมื่อพิจารณาจากความพยายามในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังแล้วคาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ในช่วง 3%-4% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า เงินทุนจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ระดับประมาณ 900 ล้านบาทต่อปี ทริสเรทติ้งคาดว่าสภาพคล่องของบริษัทจะยังคงแข็งแกร่งในช่วง 3 ปีข้างหน้า เมื่อพิจารณาถึงนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังของบริษัทตลอดจนขนาดโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีขนาดเล็ก ทริสเรทติ้งคาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในโครงสร้างทางการเงินของบริษัทในช่วงปี 2559-2561


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ