นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารคาดว่าสินเชื่อเอสเอ็มอีในปีนี้มีโอกาสพลาดเป้าที่ตั้งไว้เติบโต 6% โดยสินเชื่อเอสเอ็มอีในครึ่งปีแรกนั้นเติบโตเพียง 1.6% ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศยังคงชะลอตัวอยู่ ส่งผลให้ภาคธุรกิจเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบ ทำให้ความต้องการสินเชื่อเกิดการชะลอตัว รวมถึงลูกค้าเดิมไม่ได้มีการเบิกใช้วงเงินสินเชื่อ
อีกทั้งคาดว่าแนวโน้มสินเชื่อเอสเอ็มอีในครึ่งปีหลังยังจะทรงตัวจากครึ่งปีแรก เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่ฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อลูกค้าที่ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับการส่งออกอย่างมาก แต่กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีที่เกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างน่าจะฟื้นตัวขึ้นบ้าง จากการลงทุนของภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลังเป็นปัจจัยสนับสนุนได้บ้างเล็กน้อย
ปัจจุบันธนาคารมีพอร์ตสินเชื่อเอสเอ็มอีทั้งหมด 6 แสนล้านบาท
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสินเชื่อเอสเอ็มอีในครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าสิ้นเดือน มิ.ย.59 ที่มีสัดส่วนมากกว่า 3.2% รับผลกระทบจากกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีที่เกี่ยวข้องกับภาคการส่งออกที่ยังหดตัวทำให้มีหนี้เสียค่อนข้างมาก นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงที่ทำให้ NPL เพิ่มขึ้น คือ ธุรกิจเอสเอ็มที่เกี่ยวข้องกับข้าวและการจำหน่ายเพชร
ส่วนสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารในปีนี้คาดว่าจะเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 4% หลังจากครึ่งปีแรกเติบโตแล้ว 2.5% ซึ่งการเติบโตของสินเชื่อในครึ่งแรกที่ผ่านมามาจากการปล่อยสินเชื่อให้กับการประมูล 4G และดีลการซื้อกิจการ BIGC ของ BJC ซึ่งเป็นผลให้รายได้ค่าธรรมเนียมของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ในครึ่งปีแรกเติบโต 13-14% ซึ่งเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10-11%
นายพัชร กล่าวว่า แนวโน้มสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตขึ้นมากกว่าครึ่งปีแรกจากการลงทุนของภาครัฐที่จะทำให้ภาคเอกชนมีการลงทุนตาม นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่มีการขยายมากขึ้นเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ในครึ่งปีหลังยังมีการเติบโตได้ดีอยู่
ขณะที่ NPL ของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ธนาคารไม่ได้อยู่ในระดับที่น่ากังวลมากนัก เพราะลูกค้ามีสามารถในการชำระหนี้ในระดับสูง ทำให้ NPL ปัจจุบันอยู่ต่ำกว่า 1% และทั้งปีธนาคารจะควบคุมไม่เกิน 1%