นายพรชัย น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมผู้อำนวยการสายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บล.บัวหลวง (BLS) เปิดเผยว่า BLS เตรียมปรับเป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ปีนี้ขึ้นเป็น 1,600 จุด บน P/E ที่ 16-17 เท่า จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1,440 จุด โดยจะประกาศผลการทบทวนหลังจากบริษัทจดทะเบียนรายงานงบการเงินไตรมาส 2/59 แล้ว
ทั้งนี้ BLS มองว่า SET Index ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากเงินทุนต่างชาติไหลเข้า และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากช่วงต้นปีถึงปัจจุบันเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นแล้วกว่า 5.4 หมื่นล้านบาท หลังจากอัตราผลตอบแทนของพัธบัตรรัฐบาลในหลายประเทศปรับลดลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำมากจนถึงติดลบ ประกอบกับ สภาพคล่องในตลาดโลกยังคงล้นอยู่ ส่งผลให้มีเงินไหลเข้ามายังตลาดอาเซียน (AEC) มากขึ้น รวมถึงไทย ขณะที่บริษัทจดทะเบียนของไทยมีการปันผลเฉลี่ยที่ระดับ 3.2-3.3%
นอกจากนี้ ในวันที่ 7 ส.ค. จะมีการลงประชามติรัฐธรรมนูญปี 59 หากผ่านไปได้ด้วยดีก็จะหนุนความมั่นใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม มองว่าการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติในครั้งนี้เป็นเพียงการเข้ามาลงทุนในระยะสั้นเพื่อพักเงิน และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้ตลาดเงินของโลกมีความผันผวน
"จะเห็นได้ว่าจากการลงประชามติของประเทศอังกฤษให้ออกจากการเป็นสมาชิกในกลุ่มยูโรโซนนั้น เป็นผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยเพียงไม่นานแต่หลังจากนั้นดัชนีตลาดหุ้นไทยก็ปรับขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง และเงินทุนต่างชาติก็เริ่มไหลเข้ามา ซึ่งประเทศไทย และประเทศอื่นๆใน AEC ก็ค่อนข้างน่าสนใจ เนื่องจากหนี้ภาครัฐค่อนข้างต่ำ การบริโภคปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศยังอยู่ในระดับสูง"นายพรชัย กล่าว
นายพรชัย ยังคาดว่าธนคารกลางสหรัฐ (FED) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เพื่อรอติดตามผลที่จะเกิดขึ้นกับสหภาพยุโรป (อียู) และประเทศอังกฤษหลังการลงประชามติให้อังกฤษออกจากอียู เบื้องต้นคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของอียูและอังกฤษปีนี้จะเติบโตราว 1.3-1.5% และในปี 60 จะติดลบ 1-1.2%
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของไทยในช่วงไตรมาส 2/59 อาจจะทรงตัว หรือปรับลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/59 เนื่องจากกลุ่มโรงกลั่นปรับตัวลดลงตามค่าการกลั่นที่ลงมาอยู่ในระดับ 5 เหรียญ/บาร์เรล จากช่วงต้นปีอยู่ที่ 8 เหรียญ/บาร์เรล แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3/59 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่เริ่มมีความชัดเจนขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเกิดขึ้นจริง ช่วยให้ความมั่นใจของภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นและจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ในปี 59 คาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 36% โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงาน ซึ่งปีนี้คาดว่าราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 50 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม และอาหาร จะมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างโดดเด่น ในส่วนของกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะมีการเติบโตได้ดีขึ้น หลังมีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกิดจากหนี้เสีย (NPL) ได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ BLS แนะนำเข้าลงทุนกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนและการบริโภคในประเทศ คือ กลุ่มแบงก์ที่ปัจจุบันยังมี P/E เพียง 10 เท่า โดยมีหุ้นเด่น คือ SCB กลุ่มเช่าซื้อ มีหุ้นเด่นคือ TISCO กลุ่มค้าปลีก มีหุ้นเด่น คือ CPALL และ CPN ขณะที่กลุ่มรับเหมาก่อสร้างแนะนำให้ติดตามทั้งกลุ่ม