นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า กรณีเหตุการณ์ไม่สงบในตุรกีที่มีความพยายามก่อเหตุรัฐประหารเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน โดยค่าเงินลีราของตุรกีอ่อนค่าลงทันที 5.37% และในส่วนของการลงทุนของบลจ.กสิกไทยในตุรกี ที่ปัจจุบันมีการลงทุนบางส่วนในเงินฝากและตราสารหนี้ระยะสั้นของธนาคารชั้นนำในตุรกีที่มีระดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment grade) โดยเกือบทั้งหมดเป็นกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการ (Term Fund) ซึ่งมีอายุ 3 เดือน 6 เดือนและ 12 เดือน ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่นำเสนอขายสำหรับผู้ลงทุนในกลุ่ม AI หรือผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้มีเงินลงทุนสูง
โดยบลจ.กสิกรไทยมีกระบวนการพิจารณาคัดเลือกและวิเคราะห์ความเสี่ยงของตราสารและประเทศที่ลงทุนอย่างรอบคอบและรัดกุม อาทิ การกำหนดสัดส่วนการลงทุนในตุรกีในกองทุน Term Fund ไม่เกิน 40% ของมูลค่ากองทุน นอกจากนี้กองทุน Term Fund ยังมีนโยบายในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 100% และไม่มีการลงทุนในตราสารในสกุลเงินของตุรกี เนื่องจากกองทุนจะลงทุนในรูปของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯจึงไม่เกิดผลกระทบโดยตรงจากการอ่อนตัวลงของค่าเงินตุรกีแต่อย่างใด
นอกจากนี้บลจ.กสิกรไทยได้มีการวิเคราะห์เศรษฐกิจก่อนเหตุการณ์ในครั้งนี้ ว่าตุรกีมีอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แข็งแกร่งอยู่ที่ระดับ 4.2% ในปี 58 และจากการที่ค่าเงินตุรกีมีเสถียรภาพขึ้นในปีนี้จึงคาดว่าภาคธนาคารจะยังมีผลประกอบการที่ดี ผู้ลงทุนจึงสามารถคลายความกังวลได้ อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทยจะติดตามสถานการณ์และประเมินเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดผลกระทบแก่ผู้ลงทุนน้อยที่สุด
อนึ่ง เมื่อคืนวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นประเทศตุรกี เกิดเหตุกองทัพพยายามก่อรัฐประหารยึดอำนาจ อย่างไรก็ตามล่าสุดประธานาธิบดีตอยยิบ เออร์โดกัน ออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า รัฐบาลตุรกียังคงมีอำนาจในการบริหารประเทศ และเขายังคงมีอำนาจในฐานะประธานาธิบดี โดยกองกำลังทหารติดอาวุธไม่สามารถยึดครองตุรกีได้ ขณะเดียวกันทางรัฐบาลสามารถจับกุมตัวนายทหารที่พยายามก่อเหตุรัฐประหารได้เป็นจำนวนมากถึง 1,563 นาย ขณะที่มียอดผู้เสียชีวิตจากเหตุก่อรัฐประหารในตุรกีเพิ่มเป็น 90 คน