"เป้าหมาย COD ที่วางไว้ 1,000 เมกะวัตต์ ในปีนี้ไม่น่าจะมีปัญหา...ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในประเทศเป็นหลัก ในต่างประเทศมีประมาณ 20% และบริษัทมีแผนขยายการลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นพลังงานลม พลังงานชีวมวล"นายจอมทรัพย์ กล่าว
นายจอมทรัพย์ กล่าวว่า สำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร (โซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร) ระยะที่ 2 ที่จะเปิดรับซื้อไฟฟ้ารวม 519 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นหน่วยงานราชการ 400 เมกะวัตต์ และสหกรณ์ภาคการเกษตร 119 เมกะวัตต์นั้น บริษัทคาดว่าจะเข้าร่วมเสนอขายไฟฟ้าในครั้งนี้ด้วย จากก่อนหน้านี้บริษัทได้รับงานในระยะที่ 1 มาแล้ว 18 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินโครงการ
ส่วนความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะอุตสาหกรรม บนพื้นที่จังหวัดสระแก้ว-ปราจีนบุรี นั้นคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโครงแรกขนาดกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ ได้ในไตรมาส 3/59 ตามแผน โดยเงินลงทุนส่วนหนึ่งมาจากเงินของบริษัทและกู้ยืมจากสถาบันการเงิน โดยวางเป้ากำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าขยะเพิ่มเป็น 200 เมกะวัตต์ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/59 คาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากไตรมาส 1/59 ที่พลิกกลับมามีกำไรสุทธิ เนื่องจากบริษัทได้มีการทยอยเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าตามเป้าหมาย ส่งผลให้รับรู้รายได้และกำไรเพิ่มขึ้น
อนึ่ง ปัจจุบัน SUPER มีกำลังผลิตไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์แล้ว (COD) 675.9 เมกะวัตต์ ใน 106 โครงการ จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในมือที่มีอยู่ 713 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ และอยู่ระหว่างเจรจาเข้าร่วมทุนโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะอุตสาหกรรม ขนาด 10 เมกะวัตต์ใน จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่มี PPA อยู่แล้วและมีกำหนด COD ภายในปี 61 โดยคาดว่าการเจรจาจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 3/59