นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีวี ไดเร็ค (TVD) เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าบริษัทเตรียมจะปรับเพิ่มเป้าหมายผลประกอบการทั้งในแง่รายได้ และกำไรในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 3,210 ล้านบาท หลังจากที่ Tri Stage Inc. ซึ่งทำธุรกิจด้านทีวีช้อปปิ้งในญี่ปุ่นจะเข้ามาถือหุ้น 15% โดยการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 97.5 ล้านหุ้น ที่ราคาขายหุ้นละ 3.50 บาท
ขณะที่ราคาหุ้น TVD ล่าสุดอยู่ที่ 3.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.68 บาท (+25%)
นายทรงพล กล่าวว่า การเข้ามาถือหุ้นของพันธมิตรใหม่ครั้งนี้ คาดว่าจะก่อให้เกิดการร่วมมือในทางธุรกิจ โดยในระยะเวลา 6 เดือน จะเห็นการปรับปรุงเรื่องของระบบมีเดีย และระยะ 12 เดือนจะเห็นการรับสินค้าจากญี่ปุ่นมาขายในประเทศไทย และนำผลิตภัณฑ์ในไทยออกไปขายยังประเทศญี่ปุ่น และหลังจาก 18 เดือนคาดว่าจะมีการนำลูกค้าเข้ามายังประเทศไทย อีกทั้งจะช่วยให้ต้นทุนการบริหารจัดการต่าง ๆ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันบริษัทจะได้รับสินค้าใหม่จากญี่ปุ่นเข้ามาจำหน่ายราว 50-100 รายการ จากเดิมที่มีสินค้าในมือ 1,500 รายการ โดยค่อนข้างมั่นใจว่าสินค้าใหม่ที่ได้มานั้นจะได้รับการตอบรับค่อนข้างดี และช่วยให้ยอดขายเติบโตได้ดี
"การเข้ามาของพันธมิตรจากญี่ปุ่นอาจจะไม่ได้ช่วยให้ยอดขายเติบโตมากมายนัก แต่สิ่งที่จะเห็นผลชัดเจนคือต้นทุนที่ปรับตัวลดลงถึง 5-10% ซึ่งถือว่าปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ก็คงจะช่วยให้กำไรของเราดีขึ้นได้อีก โดยเบื้องต้นเรายังคงเป้าหมายที่จะมีอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 3% ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/59 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.79%"นายทรงพล กล่าว
นายทรงพล กล่าวอีกว่า สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังคงรุกช่องทางการขายอย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่อง TVD MONO ตลอด 24 ชั่วโมง รับชมได้ทางเจริญเคเบิลทีวี ช่อง 4, PSI ช่อง 37, GMM Z ช่อง 34, SUN BOX ช่อง 43, BIC4 ช่อง 43 และ IPM ช่อง 43 เน้นออกอากาศในช่วงเวลาที่มีผู้บริโภคค่อนข้างสนใจหรือมีเรทติ้งค่อนข้างดี ในขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะเพิ่มสินค้าใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
โดยในธุรกิจโฮมช้อปปิ้งเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการที่ได้มีการพูดคุยกับผู้ประกอบการในธุรกิจแบบเดียวกันก็ได้รับเสียงตอบรับมาว่ามีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนมาเป็นการซื้อสินค้าผ่านช่องทาง Multiscreen อาทิเช่น Home Shopping, Digital TV, drive DRTV และ Retail Store โดยในปีนี้มองแนวโน้มตลาดโฮมช้อปปิ้งจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนมีมูลค่า 8 พันล้านบาท
ขณะเดียวกันจากการที่ได้พันธมิตรใหม่เข้ามา และแนวโน้มตลาดโฮมช้อปปิ้งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทคาดว่าในปี 61 เป็นต้นไปผลประกอบการจะเติบโตได้ 20-25% ต่อปี จากปัจจุบันที่มีการเติบโตอยู่ที่ 15% ต่อปี