นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า กำไรสุทธิงวด 6 เดือนปี 59 จำนวน 367.2 ล้านบาท เติบโต 5.5% จากงวดเดียวกันของปี 58 ที่ 348.2 ล้านบาท จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโตดีขึ้น และควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.59 ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 6,487.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 409.5 ล้านบาท หรือ 6.7% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 58 สาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 23.2% สุทธิกับการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิและรายได้อื่น 3.0% และ 35.8% ตามลำดับ
กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 15.5% เป็นจำนวน 2,998.2 ล้านบาท เกิดจากการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้นส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 19.1 ล้านบาท หรือ 5.5% เป็นจำนวน 367.2 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันสาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงานและการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น สุทธิกับการเพิ่มขึ้นในสำรองหนี้สงสัยจะสูญ 17% ซึ่งสอดคล้องกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปี 59 และ 58 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 918.5 ล้านบาท หรือ 23.2% ส่วนใหญ่เกิดจากการขยายตัวของสินเชื่อและการลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลง 22.9 ล้านบาท หรือ 3.0% ส่วนใหญ่มาจากการลดลงของค่าธรรมเนียมจากการจัดหาเงินกู้ร่วมและค่าธรรมเนียมจากการให้บริการสินเชื่อและรายได้จากการดำเนินงานอื่นลดลง 486.1 ล้านบาทหรือ 35.8% ส่วนใหญ่เกิดจากธุรกรรมบริหารเงิน สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเงินลงทุนและรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับงวดหกเดือนปี 59 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 58 เพิ่มขึ้นจำนวน 6.6 ล้านบาทหรือ 0.2% สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน สุทธิกับการลดลงของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคาร สถานที่และอุปกรณ์ และค่าภาษีอากร อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงานงวด 6 เดือนปี 59 อยู่ที่ 53.8% ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 58 อยู่ที่ 57.3% เป็นผลจากแผนการบริหารจัดการเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีผนวกกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น
อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin–NIM) สำหรับงวด 6 เดือนปี 59 อยู่ที่ 3.79% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปี 58 อยู่ที่ 3.05% เป็นผลจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
วันที่ 30 มิ.ย.59 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 202.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธ.ค.58 กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) จำนวน 214.8 พันล้านบาท ลดลง 1.7% จากสิ้นปี 58 ซึ่งมีจำนวน 218.4 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 94.3% จาก 91.1% ณ วันที่ 31 ธ.ค.58 สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ 8.8 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น (NPL ratio) อยู่ที่ 4.3% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธ.ค.58 อยู่ที่ 3.1% เป็นผลจากความสามารถในการชำระหนี้ลดลงซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากลูกหนี้ภาคธุรกิจ สืบเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ธนาคารซีไอเอ็มบีไทยยังคงมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อ และนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมขึ้น ตลอดจนได้มีแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามหนี้ การดำเนินการดูแล และการแก้ไขลูกหนี้ที่ถูกผลกระทบดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 30 มิ.ย.59 อยู่ที่ 92.8% ลดลงจากสิ้นปี 58 ซึ่งอยู่ที่ 106.5% ส่วนเงินสำรองของกลุ่มธนาคาร อยู่ที่จำนวน 8.1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 3.2 พันล้านบาท และ เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร มีจำนวน 35.1 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 15.1% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 10.9%